คงภาวะฉุกเฉินในโตเกียว ยกเลิกคันไซ
โตเกียว – เมื่อวันที่ 21 พ.ค. รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา กับ 3 จังหวัดในภูมิภาคคันไซ แต่ยังคงไว้เหมือนเดิมในฮอกไกโด และกรุงโตเกียว
คณะกรรมการที่ปรึกษาของรัฐบาลระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงในจังหวัดโอซาก้า เฮียวโงะ และเกียวโต ซึ่งเป็นระดับที่ยอมรับให้มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มได้
ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำว่า การประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินในฮอกไกโด โตเกียว และจ.ชิบะ คานางาวะ และไซตามะในเวลานี้ อาจทำให้เกิดไวรัสระบาดรอบใหม่ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่โดยรวมจะลดลงก็ตาม
จากผลการประเมิน ทำให้มีข้อเสนอที่จะผ่อนคลายมาตรการ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจในพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ ขณะที่ยังให้ประชาชนในพื้นที่ตะวันออกยังคงเฝ้าระวังอยู่
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ยาสุโทชิ นิชิมูระ รมว.ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผู้นำในการรับมือกับไวรัสของรัฐบาลระบุว่า สถานการณ์ดีขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดของภูมิภาคคันไซ จากการประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ เสถียรภาพของระบบสาธารณสุข และความสามารถในการเฝ้าระวังและควบคุมการติดเชื้อ รวมถึงความสามารถในการตรวจทดสอบไวรัส
“ จากการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์การติดเชื้อในจุดนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะยกเลิกภาวะฉุกเฉินในจังหวัดเกียวโต โอซาก้า และเฮียวโงะ ” นิชิมูระกล่าวในเช้าวันที่ 21 พ.ค.
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อัตราการติดเชื้อชะลอตัวลงแต่เตือนว่า การคลายมาตรการฉุกเฉินไม่ได้หมายความว่าไวรัสหายไปแล้ว และอาจมีการระบาดระลอกสองก่อนฤดูหนาว
“ แม้จะยกเลิกภาวะฉุกเฉินทุกจังหวัด หรือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์สักระยะหนึ่งแล้ว เราควรเชื่อว่าการติดเชื้อยังคงมีอย่างต่อเนื่องโดยที่เรามองไม่เห็น ” ชิเงรุ โอมิ รองประธานคณะทำงานของรัฐบาลกล่าวเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
จนถึงเช้าวันที่ 21 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 16,400 รายในญี่ปุ่น และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 780 ราย
นิชิมูระกล่าวว่า รัฐบาลจะยังคงให้ความช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมพร้อมหลักเกณฑ์ให้มีการเปิดทำการธุรกิจได้ ขณะที่มีมาตรการควบคุมการติดเชื้อ โดยเปิดเผยว่ามี 101 ธุรกิจในวันที่ 21 พ.ค.ทั้งโรงภาพยนตร์ ห้องสมุด และร้านอาหาร โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 128 ธุรกิจทั้งหมด
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินใน 39 จังหวัด รวมทั้ง 5 จังหวัด คืออิชิงาวะ กิฟุ ไอจิ ฟุกุโอกะ และอิบารากิ ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลกลางระบุว่าเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงจากไวรัส
ในตอนแรก นายกฯอาเบะเริ่มประกาศภาวะฉุกเฉินกับ 7 จังหวัดก่อนเมื่อวันที่ 7 เม.ย. และต่อมาในวันที่ 16 เม.ย. ได้ขยายภาวะฉุกเฉินครอบคลุมทั่วประเทศ แต่บรรดาผู้นำในญี่ปุ่นไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้ธุรกิจปิดทำการโดยมีบทลงโทษ เหมือนกับในสหรัฐฯและยุโรป
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและนายกฯอาเบะให้เครดิตกับการประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ เนื่องจากสามารถชะลอการติดเชื้อ และช่วยไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศทรุดตัว