ยูนิลีเวอร์มองผลกระทบจากเบร็กซิท
ประธานบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ของสหราชอาณาจักร หรือเบร็กซิทจะส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
นายพอล โพลแมน ซีอีโอของยูนิลีเวอร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “เราต้องเข้าถึงสถานการณ์ที่แท้จริง มาตรา 50 ที่ใช้ในการขับเคลื่อนกระบวนการออกจากอียูของสหราชอาณาจักรยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ความผันผวนกำลังเริ่มมีผลกระทบกับตลาดแล้ว เมื่อไรที่สภาพแวดล้อมไม่มั่นคง คนก็จะไม่ลงทุน”
เขากล่าวว่า “ที่จริงแล้วอาการช็อกที่เราต้องผ่านไปให้ได้ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ดีต่อหลายๆ คน ไม่ได้มีผลทำให้ยูนิลีเวอร์เสียเปรียบบริษัทอื่น แต่ก็เป็นอีกปัจจัยที่อยู่เหนือสิ่งต่างๆ ที่เราพูดกันว่า ทำให้ยากขึ้นในการทำธุรกิจ”
เมื่อถูกถามถึงผลกระทบของเบร็กซิทที่มีต่อบริษัท เขาบอกว่าต้องมีการพิจารณาอย่างใกล้ชิดมากกว่านี้ โดยเขากล่าวว่า อาจจะเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าตำแหน่งงานใดที่ควรย้ายออกจากสหราชอาณาจักรไปที่อียูแทน
โดยเขากล่าวว่า นักการเมืองสอบตกในการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า การออกจากอียูจะส่งผลกระทบมากเพียงใด
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ยูนิลีเวอร์รายงานตัวเลขการขยายตัวถึง 4.7% ในช่วงครึ่งปีแรก ท่ามกลางสภาพที่ทางบริษัทเรียกว่า ‘ตลาดที่ท้าทาย’
บริษัทสัญชาติอังกฤษ-ดัตช์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยส่วนตัวและในบ้านรายงานยอดการขายในช่วงครึ่งปีแรกว่าลดลง 2.6% มาอยู่ที่ 26,300 ล้านยูโร พลาดเป้าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 26,500 ล้านยูโร
ขณะที่ตลาดในประเทศเศรษฐกิจใหม่มียอดขายที่เติบโตสูงถึง 8% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในเอเชียและราคาที่ขยับสูงขึ้นในละตินอเมริกา ตลาดในประเทศพัฒนาแล้วมีการขยายตัว 0.2% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยยอดขายในยุโรปขยายตัว 0.1%
เขากล่าวว่า “เรากำลังแสดงให้เห็นว่า บริษัทเราสามารถเติบโตได้ถึง 8% ในประเทศเศรษฐกิจใหม่ ทั้งที่เป็นตลาดที่มีความยากมาก ผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าบริษัทยังมีนวัตกรรมและมีความมุ่งมั่น เราน่าจะเติบโตเพิ่มได้อีก”
“สภาพความเป็นจริงในยุโรปคือมีภาวะเงินฝืดในหลายตลาดและในสหรัฐฯ ถึงแม้จะเติบโตบ้างแต่ก็ไม่ได้ทั่วถึง แต่เราก็พอใจกับการขยายตัวโดยรวม”
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับสภาพตลาดที่ยากและหนักหนาสาหัสขึ้นในปีหน้า และยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจทั่วโลก
เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายแบรนด์ดอลลาร์เชฟ คลับ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย โดยมีการรายงานว่ามูลค่าในการซื้อครั้งนี้สูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่นายโพลแมนปฏิเสธที่จะพูดถึงตัวเลขนี้
หมายเหตุ 1 ยูโร = 38.94 บาท / 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.15 บาท / 21 ก.ค.2559