เบร็กซิทกระทบเศรษฐกิจยูโรโซน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนลง
จากผลกระทบของการโหวตแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
คาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนจะอยู่ที่ 1.6% ในปีนี้และ 1.4% ในปีหน้า โดยก่อนหน้าการลงประชามติของสหราชอาณาจักร ตัวเลขคาดการณ์ของทางไอเอ็มเอฟอยู่ที่ 1.7% ทั้งสองปี
นอกจากนี้ ทางไอเอ็มเอฟยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2561 ลงมาอยู่ที่ 1.6% จากเดิม 1.7%
โดยทางไอเอ็มเอฟรายงานว่า แนวโน้มการขยายตัวในระยะสั้นของยูโรโซนซึ่งมีสมาชิก 19 ประเทศจะเป็นไปแบบปานกลาง เนื่องจากอัตราการว่างงานและมูลค่าหนี้สูง
นายมามู้ด พราดาห์น รองประธานไอเอ็มเอฟ ฝ่ายกิจการยุโรปกล่าวว่า แนวโน้มดูจะย่ำแย่หากการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักรและอียูจะถูกเลื่อนออกไป ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มทางการเงินที่ผันผวนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะดำเนินต่อไป และนักลงทุนจะหลีกหนีทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น
เขากล่าวในการประชุมทางไกลว่า “ถ้าการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เราคิดว่าผลกระทบที่ขยายตัวขึ้นจะเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ และถ้ายังอยู่ในจุดนี้ จะเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่า สถานการณ์นี้จะยืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหน”
อย่างไรก็ตาม ถ้าสหราชอาณาจักรตัดสินใจที่จะไม่คงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับอียูไว้และเลือกที่จะพึ่งพากับกฎขององค์การการค้าโลกแทน ก็จะเป็นการแตกตัวที่สำคัญครั้งใหญ่
โดยนายพราดาห์นกล่าวเสริมว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องมีความเชื่อมั่นให้เร็วที่สุด เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและอียูว่าในที่สุดแล้วจะเป็นไปอย่างไร
ในระยะสั้น ความท้าทายต่างๆ เช่น ตัวเลขการว่างงานสูง และความอ่อนแอด้านโครงสร้างที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ยุโรปจะมีผลกระทบตอการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากทางไอเอ็มเอฟ
จากผลกระทบทั้งหมด คาดการณ์ว่าใน 5 ปีข้างหน้า จะมีตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 1.5% และตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7% อ้างอิงจากรายงาน
ทั้งนี้ ทางรายงานยังบอกว่า ภูมิภาคยุโรปมีบทบาทสำคัญในการค้าโลก เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่น รวมถึงประเทศเศรษฐกิจใหม่ แต่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในวงจำกัด.
หมายเหตุ ยูโรโซน คือ กลุ่มประเทศในยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรเป็นสกุลเงินร่วม