เฟดรอดูเบร็กซิทก่อนปรับดอกเบี้ย
ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟดเชื่อว่า ควรจะใช้เวลารอดูอย่างรอบคอบถึงผลกระทบ
จากการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร ก่อนที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบั้ยในการประชุมเดือนที่แล้ว
ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความกังวลถึงผลกระทบจากการลงประชามติที่มีต่อตลาดการเงิน อ้างอิงจากรายงานการประชุม
นอกจากนี้ ทางภาครัฐเองก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขการจ้างงานที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
โดยทางธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.25 -0.5% ในการประชุมครั้งล่าสุด
“โดยทั่วไป สมาชิกต่างเห็นด้วยว่า ก่อนที่จะประเมินว่าจะใช้มาตรการทางการเงินไปในทิศทางใดต่อไป เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมจากผลกระทบของการลงประชามติก่อน” อ้างอิงจากรายงานการประชุม
ตัวเลขการจ้างงานที่ลดต่ำลงในเดือนพ.ค.สั่นคลอนความคิดเห็นของสมาชิกในคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) อยู่พอสมควร
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ มีเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งจัดว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2553 เป็นต้นมา
นายลุค บาร์โธโลมิว จากบริษัทอาร์เบอร์ดีน แอสเส็ท แมเนจเมนท์ ให้ความเห็นว่า“ จากรายงานการประชุม จะเห็นได้ว่า ไม่มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้เลย เห็นได้ชัดว่าเฟดค่อนข้างกังวลว่าเบร็กซิทจะเขย่าตลาด เป็นเรื่องที่ปลอดภัยกว่าที่เฟดจะรอดูผลกระทบจากเบร็กซิทและชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน ”
สมาขิกหลายรายใน FOMC แสดงความกังวลว่า การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดปัญหาได้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกของเฟดบางรายยังได้เน้นย้ำถึงความต้องการให้ตลาดสหรัฐฯสามารถต้านทานต่อเหตุการณ์ที่จะสร้างความตระหนกหรือประหลาดใจในอุปสงค์ได้ ถ้าเศรษฐกิจโลกผันผวนแปรปรวน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเองก็สร้างความกังวลให้นักลงทุนเช่นกัน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงในไตรมาส 2 โดยทางรัฐบาลมองว่า การไร้เสถียรภาพยังคงมีอย่างต่อเนื่องในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในจีนและมูลค่าหนี้ของจีนที่พุ่งทะยานขึ้น
โดยทางธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดจะจัดการประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้