อเมริกาเหนือจับมือแก้ปัญหาสภาพอากาศ
แคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโกประกาศความร่วมมือในการใช้พลังงานสะอาดและการรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยรับประกันว่าจะสามารถนำพลังงานสะอาดมาใช้ได้มากกว่า 50% ภายในปี 2568
โดยมีนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายเอ็นริเก เปญา นิเอโต ประธานาธิบดีเม็กซิโกเข้าร่วมในการประชุมที่กรุงออตตาวา เมืองหลวงของแคนาดา ในตอนท้ายของการประชุมกระชับมิตรหรือที่เรียกกันว่า “ดิ อมิโกส์”
ข้อตกลงในการรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงมีจุดมุ่งหมายที่จะนำพลังงาน “สะอาด” กว่า 50% จากทั้งประเทศมาผลิตกระแสไฟฟ้าให้ได้ รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานน้ำภายในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 กว่า 27%
เหล่าผู้นำกล่าวในการประชุมว่า “ข้อตกลงปารีสถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับโลกของเรา เป็นข้อตกลงที่ชี้ให้เห็นถึงประเด็นเร่งด่วนที่ต้องจัดการต่อสู้กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงผ่านนวัตกรรมและการใช้พลังงานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ” โดยข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นปีนี้
“อเมริกาเหนือมีความสามารถ ทรัพยากรและจิตสำนึกที่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตามข้อตกลงปารีสและส่งเสริมให้เป็นรายแรกในการบังคับใช้ข้อตกลง เรารู้ได้ว่าพลังงานที่ได้รับการพัฒนาของเราและระบบพลังงานที่ครบครันจะส่งผลให้เราควบคุมและเปลี่ยนแปลงให้เป็นประเทศเศรษฐกิจพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง”
“การลงมือเพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายสภาพอากาศและพลังงานของเรานั้นจะช่วยปกป้องสุขภาพของประชาชนและช่วยให้ธุรกิจผู้ประกอบการและแรงงานของพวกเรานั้นทัดเทียมกัน”
เม็กซิโกได้เข้าร่วมการประชุมกับสหรัฐฯ และแคนาดาเพื่อการลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเกิดก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าจะใช้พลังงานสะอาดให้ได้ถึง 45% ภายในปี 2568 จาก 40% ในปี 2557
นายทรูโด กล่าวว่า “ข้อตกลงนี้ทำให้เราลงแรงไปกับการนำพลังงานสะอาดมาใช้ เราทั้งหมดมั่นใจว่าจะสามารถร่วมมือกันเพื่อแก้ไขเรื่องพลังงาน โดยให้โอกาสประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน ในขณะที่เราต้องปกป้องเหล่าประชากรในอนาคตไม่ให้ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง”