มหาเศรษฐีเอเชียผงาด
มหาเศรษฐีของเอเชียในปัจจุบันถือครองทรัพย์สินมากกว่ามหาเศรษฐีในอเมริกาเหนือ ยุโรปและภูมิภาคอื่น อ้างอิงจากรายงานของบริษัทการเงินแคปเจมิไน
มหาเศรษฐีในเอเชีย โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 10% ในปี 2558 อ้างอิงจากรายงานผลการสำรวจความร่ำรวยในโลกของบริษัท
ทั้งนี้ มหาเศรษฐีทั่วโลกมีทรัพย์สินรวมกันสูงถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
โดยตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐีในเอเชีย (ซึ่งมีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เศรษฐกิจชะลอตัวในจีนและเศรษฐกิจซบเซาในญี่ปุ่น
ในรายงานชี้ว่า การขยายตัวของเศรษฐีในเอเชียมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาคบริการทางการเงิน เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ
โดยมหาเศรษฐีในเอเชียถือครองทรัพย์สินมูลค่า 17.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินมูลค่า 16.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มหาเศรษฐีในอเมริกาเหนือถือครองอยู่ อ้างอิงจากรายงาน
บริษัทแคปเจมิไนรายงานว่า “หากตัวเลขการขยายตัวยังเป็นเช่่นนี้ เอเชีย-แปซิฟิกจะผงาดขึ้นมาโดดเด่นในทศวรรษหน้า คิดเป็น 2 ใน 5 ของทรัพย์สินในโลกทั้งหมดมากกว่ายุโรป ละตินอเมริกา และตะวันออกกลางกับแอฟริการวมกัน”
ผลประกอบการในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาชะลอตัวลงในอเมริกาเหนือมาอยู่ที่ 2.3% ในปีที่แล้ว ถึงแม้ในสหรัฐฯ เองจะยังมีจำนวนเศรษฐีมากที่สุดถึง 4.45 ล้านคน
เศรษฐีในยุโรปมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 4.5% นำโดยเศรษฐีในสเปน ถึงแม้ประเทศสเปนจะมีตัวเลขการว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
โดยเศรษฐีในสหราชอาณาจักรเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอันดับ 5 ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% มาอยู่ที่ 553,000 คน
เศรษฐีในละตินอเมริกาได้รับผลกระทบจากทรัพย์สินที่ลดลง 3.7% จากปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองและตลาดหลักทรัพย์ที่ผันผวนในบราซิล
ทั้งนี้ ความร่ำรวยของมหาเศรษฐีทั่วโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.7% ในปีที่แล้วคิดเป็นมูลค่า 58.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อต้นปีนี้ องค์กรอ็อกซ์แฟมของอังกฤษรายงานว่า คนร่ำรวย 1% ในปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินมากเท่ากับคนในโลกทั้งหมดรวมกัน.
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.75 บาท 24 มิ.ย. 2559