เบร็กซิทชนะ
ผลการลงประชามติของสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.
คะแนนเบร็กซิทหรือโหวตให้ออกจากสหภาพยุโรปชนะไปด้วยคะแนน 52% ขณะที่คะแนนของฝ่ายโหวตให้อยู่ต่อไปคือ 48 % จากการรายงานของสำนักข่าวบีบีซี
โดยอังกฤษและเวลส์มีคะแนนโหวตให้ออกสูงมากอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กรุงลอนดอน สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือมีผลโหวตให้อยู่ต่อไปในอียู
โดยในระหว่างรอผลการนับคะแนน ค่าเงินปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ดิ่งร่วงลงมาต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2528 เป็นต้นมา เนื่องจากตลาดกังวลต่อผลที่จะออกมา
ทั้งนี้ จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงในการลงประชามติครั้งนี้คิดเป็น 71.8% จากผู้มีสิทธิ์มากกว่า 30 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2535 เป็นต้นมา
โดยในเวลส์และพื้นที่ส่วนใหญ่ของอังกฤษนอกกรุงลอนดอนออกเสียงให้ฝ่ายเบร็กซิท หรือออกจากอียู
นายไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรคเพื่ออิสรภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKIP) ซึ่งรณรงค์มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปีให้ประเทศตัดสินใจออกจากอียู กล่าวกับผู้สนับสนุนของเขาว่า “ นี่จะเป็นชัยชนะสำหรับประชาชนคนธรรมดา คนที่เหมาะสม ”
นายฟาราจ ซึ่งทำนายเมื่อช่วงเริ่มนับคะแนนในวันที่ 24 มิ.ย.ว่า ผลโหวตให้อยู่ต่อจะชนะหลังจากผลโพลล์ชี้ไปในทิศทางนั้นค่อนข้างมาก โดยก่อนหน้านั้น เขาได้กล่าวในวันลงประชามติว่า จะเป็นวันที่บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็นวันประกาศอิสรภาพของสหราชอาณาจักร
โดยเขาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ซึ่งจัดให้มีการทำประชามติ แต่รณรงค์สนับสนุนให้อยู่ต่อในอียูอย่างแข็งขัน ออกจากตำแหน่งในทันที
แหล่งข่าวในพรรคแรงงานกล่าวว่า “ผลที่ออกมาแบบนี้ นายกฯคาเมรอนควรพิจารณาถึงการทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯของเขาอย่างจริงจัง”
การลงประชามติครั้งนี้เป็นการตอกย้ำช่องว่างทางสังคมและวัฒนธรรมระหว่างกรุงลอนดอนและเมืองอื่นๆในอังกฤษ เนื่องจากผลโหวตในกรุงลอนดอนคือให้อยู่ต่อประมาณ 60% ในขณะที่ในภูมิภาคอื่นไม่มีผลโหวตให้อยู่ในอียูต่อเลย
สหราชอาณาจักรจะเป็นประเทศแรกที่ออกจากอียูนับตั้งแต่มีการก่อตั้งมา แต่การโหวตออกจะยังไม่มีผลในทันที ซึ่งหมายความว่า สหราชอาณาจักรยังเป็นเป็นสมาชิกของอียูต่อไป โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งฝ่ายสนับสนุนเบร็กซิทเผยว่า กระบวนการควรจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนปี 2563 ซึ่งเป็นเงื่อนเวลาของการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ฝ่ายสนับสนุนเบร็กซิทไม่ฟังคำเตือนจากบรรดากูรูนักเศรษฐศาสตร์และหลายองค์กรสำคัญระหว่างประเทศเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของเบร็กซิทที่จะเป็นข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจทั่วโลก.