ฮ่องกงนำเหนือสิงคโปร์เมืองน่าลงทุนอันดับ 1
สิงคโปร์ถูกลดอันดับเมืองน่าลงทุนธุรกิจให้แก่ฮ่องกง หลังขับเคี่ยวแข่งขันกันมาตลอด โดยช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์ชนะเหนือฮ่องกงได้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2557
ฮ่องกงกับสิงคโปร์ขับเคี่ยวแข่งขันกันมาตลอดเพื่อครองตำแหน่งเมืองน่าลงทุนธุรกิจมากที่สุดของโลก แต่ข้อมูลปีนี้ 2559 ฮ่องกงครองอับดับ 1 เมืองน่าลงทุนมากที่สุดของโลก (ปีที่แล้วอยู่อันดับ 2) ตามด้วยสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และอันดับ 4 สิงคโปร์ (ปีที่แล้วอยู่อันดับ 3) ส่วนอันดับ 5 -10 ได้แก่ สวีเดน เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์และแคนาดา
เหตุผลที่สิงคโปร์ต้องพ่ายแพ้แก่ฮ่องกงในฐานะเมืองน่าลงทุนมากที่สุดของโลกประการแรกคือ เศรษฐกิจสิงคโปร์แย่ลง เพราะผลกระทบจากการส่งออก ซึ่งส่วนหนึ่งสืบเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ประการที่สอง เพราะสิงคโปร์เพิ่มกฏระเบียบเข้มงวดการจ้างแรงงานต่างชาติเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งเลี่ยงไม่พ้นต้องกระทบถึงการลงทุนจากต่างชาติ เพราะต้นทุนด้านแรงงานสูงขึ้น ทำให้ศักยภาพการแข่งขันดึงดูดนักลงทุนทำธุรกิจต้องแผ่วลง
ไบรอัน ตัน นักเศรษฐศาสตร์สิงคโปร์ ระบุถึงความแตกต่างระหว่างสิงคโปร์กับฮ่องกงชัดเจนที่สุดคือเรื่องแรงงานต่างชาติ เพราะขณะที่สิงคโปร์เพิ่มความเข้มงวดรับแรงงานต่างชาติ แต่ฮ่องกงภายหลังจากกลับสู่การปกครองของจีน ยิ่งทำให้ฮ่องกงมีแรงงานมากมายทั้งแรงงานมีทักษะและไม่มีทักษะ ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นพื้นที่ได้เปรียบด้านแรงงานถูก และมีแรงงานมากมาย
การจัดอันดับเมืองน่าลงทุนทำธุรกิจมากที่สุดของโลกชิ้นนี้ จัดทำโดยสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจของสวิตเซอร์แลนด์ “IMD” มุ่งสำรวจศักยภาพการแข่งขันจากประเทศต่างๆทั่วโลก โดยอาศัยปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจและวัดคุณค่าทางธุรกิจ
ซึ่งใช้วิธีสุ่มสอบถามเหล่าผู้บริหารกิจการมากกว่า 5,400 แห่ง ถึงความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ ด้านรัฐบาล ด้านศักยภาพการประกอบธุรกิจและความพร้อมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของแต่ละท้องถิ่น
ซึ่งพบว่าสิงคโปร์ไม่ได้ทำอะไรผิดหรือด้อยลง แต่เป็นเพราะการครองอันดับ 1 ตลอดไปให้ได้นั้นยากยิ่งอีกทั้งฮ่องกงมีพัฒนาการมากกว่า จึงทำให้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์สามารถชนะเหนือฮ่องกงได้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2557.