จ้างงานในสหรัฐฯ ต่ำสุดใน 5 ปี
ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงมากที่สุดในรอบกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณความซบเซาทางเศรษฐกิจที่อาจเป็นปัจจัยหลักที่จะสั่นคลอนความเป็นไปได้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า นายจ้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่่งเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปี 2553 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม อัตราคนว่างงานกลับลดลงมาอยู่ที่ 4.7% จากตัวเลขเดิม 5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2550 เป็นต้นมา แต่สาเหตุสำคัญบางส่วนมาจากประชากรวัยทำงานที่ออกจากระบบแรงงานมากขึ้นและไม่ได้ถูกนับรวมว่าเป็นผู้ว่างงาน
โดยทางรัฐบาลกล่าวว่า การนัดหยุดงานประท้วงของพนักงานบริษัทเวริซอนนานนับเดือน ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการจ้างงานถึง 34,000 คน ผู้ประท้วงถูกจัดอยู่ในประเภทคนว่างงานและถูกนับรวมเข้าไปอยู่ในตัวเลขนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่มีการประท้วงของบริษัทเวริซอน งานที่ไม่ใช่ภาคเกษตรกรรมก็เพิ่มขึ้นเพียง 72,000 ตำแหน่งเท่านั้น
ทั้งนี้ ในภาคส่วนการผลิตสินค้า ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการผลิต มีการลดจำนวนงานลงถึง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2553
โดยนางเจเนท เยลเลน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ถ้าการจ้างงานมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่นายเอียน เชฟเฟิร์ดสัน แห่งบริษัทแพนธีออนแคปปิตัลให้ความเห็นว่า โอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแทบไม่มีเลย ขณะที่คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นในเดือนก.ค. อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากกว่า
นายโจอี้ เลค นักวิเคราะห์ประจำหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสารอิโคโนมิสท์บรรยายในรายงานว่า “แย่ แย่ แย่ ไม่มีสัญญาณด้านบวกให้เห็นเลย” โดยเขาชี้ว่า ทางกระทรวงแรงงานได้ปรับแก้ไขตัวเลขประจำเดือนให้น้อยลงด้วย
นายเลคกล่าวว่า “ตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯทบทวนพิจารณาอีกครั้ง ทำให้โอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะไม่มีเลย ทางธนาคารอาจต้องรอไปจนถึงเดือนก.ค. หลังจากการลงประชามติโหวตเบร็กซิท (อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางการเมืองจากภายนอกประเทศ ”
ข้อมูลล่าสุดของสหรัฐฯ ในการใช้จ่ายของผู้บริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออกและที่อยู่อาศัยแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อยๆ ฟื้นตัวหลังจากมีตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 0.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะเร่งเครื่องขึ้นในไตรมาสเดือนเม.ย.- มิ.ย. ซึ่งจะช่วยหนุนให้ตัวเลขการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2.5% ต่อปี.