สหรัฐฯ ตายจากโควิด-19 มากกว่าสงครามเวียดนาม
วอชิงตัน /นิวยอร์ก (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ตัวเลขผู้ป่วยในสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากโควิด -19 สูงเกิน 58,000 ราย สูงกว่าจำนวนชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากสงครามเวียดนาม ขณะที่ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาเข้าพบ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อขอปรึกษาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการทางเศรษฐกิจ
รอน เดอซานทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งอยู่ในบรรดารัฐที่ล็อกดาวน์สกัดการระบาด เริ่มเข้าร่วมกับรัฐอื่นๆ ในการผ่อนปรนความเข้มงวดในสถานที่ทำงานและคำสั่งให้อยู่บ้านในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อชะลอตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ แต่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจทรุดตัว
การประชุมของผู้ว่าฯ เดอซานทิสที่ทำเนียบขาวมีขึ้นในช่วงที่รัฐฟลอริดารายงานยอดผู้เสียชีวิตจากที่สูงที่สุดในวันเดียว และสองวันก่อนที่คำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านมีกำหนดสิ้นสุดลง
ในการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ ผู้ว่าฯเดอซานทิสระบุว่า เขาจะประกาศแผนการผ่อนปรนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เขาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยเรียกแผนนี้ว่า เป็นขั้นตอนเล็กๆ เขาเสริมว่า “เรากำลังจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง และยึดจากข้อมูลเป็นหลัก”
แม้จะมีผู้อยู่อาศัยในรัฐเป็นผู้สูงอายุค่อนข้างมาก และรอจนถึงต้นเดือนเม.ย.จึงประกาศล็อกดาวน์ แต่รัฐฟลอริดากลับไม่ประสบภาวะวิกฤตสาธารณสุขเหมือนรัฐอื่น เช่น รัฐนิวยอร์ก หรือนิวเจอร์ซีย์
จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการคนว่างงานในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งสูงถึง 26.5 ล้านคน (เกือบ 1 ใน 6 ของกำลังแรงงานในประเทศ) และรัฐบาลทรัมป์คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานเดือนเม.ย.จะสูงถึง 16%
เควิน ฮัสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจอาวุโสของทำเนียบขาวคนหนึ่งระบุว่า ประเทศกำลังเผชิญกับ “ ภาวะช็อกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ” แต่ยังทำนายว่า เศรษฐกิจที่ทรุดลงจากไวรัสจะฟื้นกลับขึ้นมาดีขึ้นในไตรมาส 4
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ทรัมป์ใช้อำนาจทางทหารของประธานาธิบดีสั่งการให้โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ให้เปิดอยู่เพื่อให้มีความมั่นคงทางซัพพลายอาหาร ทำให้บรรดาผู้นำสหภาพโต้ตอบอย่างรุนแรงว่า แรงงานที่มีความเสี่ยงจำเป็นต้องมีการปกป้องมากขึ้น
การระบาดในบรรดาพนักงานของบริษัทบรรจุเนื้อสัตว์ชั้นนำของสหรัฐฯ ( ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญในระหว่างวิกฤต) ทำให้ต้องระงับการดำเนินการโรงฆ่าสัตว์และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ประมาณ 20 แห่ง ซึ่งสภาพในการทำงานทำให้พนักงานยากที่จะรักษาระยะห่างทางสังคม
จนถึงวันที่ 28 เม.ย. มีผู้ป่วยในสหรัฐฯเสียชีวิตจากโควิด-19 มากถึง 58,605 ราย มากกว่าจำนวนชาวอเมริกันที่เสียชีวิตในช่วงเวลา 16 ปีของสงครามเวียดนาม
จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 18 วันล่าสุดทำให้ตัวเลขพุ่งเกิน 1 ล้านรายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริง เชื่อว่าอาจมีผู้ติดเชื้อมากกว่านี้ เนื่องจากสาธารณสุขท้องถิ่นระบุว่า การขาดแคลนแรงงานที่ผ่านการฝึกอบรมและอุปกรณ์ส่งผลให้ศักยภาพในการตรวจหาผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้ไม่มีการบันทึกผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ ประมาณ 30% อยู่ในรัฐนิวยอร์ก ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของประเทศ รองลงมาคือรัฐนิวเจอร์ซีย์ แมสซาชูเซตส์ อิลลินอยส์ แคลิฟอร์เนีย เพนซิลวาเนียและมิชิแกน
ในแคลิฟอร์เนีย ผู้ว่าการรัฐแกวิน นิวซัม ระบุว่า ร้านค้าปลีก ภาคส่วนการผลิต และสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงต่ำควรเปิดทำการได้ในไม่กี่สัปดาห์นี้ เนื่องจากจำนวนการตรวจทดสอบและการสอบสวนโรคปรับปรุงพัฒนาดีขึ้น
เขายังระบุว่า นักเรียนในรัฐแคลิฟอร์เนียอาจเริ่มเรียนได้ช่วงต้นเดือนก.ค. และให้ผู้ปกครองกลับไปทำงานได้.