จีนโวยสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก
จีนกล่าวหาสหรัฐอเมริกาว่ากำลังทำลายการค้าระหว่างประเทศ หลังจากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีเหล็กนำเข้าจากจีนในอัตราใหม่ที่สูงถึง 450% ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้ล่าสุดจากสหรัฐฯ ที่มีต่อเหล็กนำเข้าราคาถูกจากจีน
ภาษีนำเข้าอัตราใหม่ที่สูงลิ่วถือเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมในประเทศของสหรัฐฯ โดยอัตราภาษีที่ต่ำกว่าจะมีผลบังคับใช้กับเหล็กที่นำเข้าจากประเทศอื่น
ทั้งนี้ ปฏิกิริยาและท่าที่ไม่พอใจจากจีนมีขึ้นหลังจากสหรัฐฯปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเหล็กแบนรีดเย็นจากจีน ซึ่งมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ทางการจีนกล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจที่สหรัฐฯจงใจใช้วิธีการกดดันในการนำเข้าเหล็กจากจีน ซึ่งเป็นท่าทีการแก้ปัญหาที่ไร้เหตุผลและส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของจีน กล่าวว่า “จีนจะใช้ทุกวิธีการที่จำเป็น และมุ่งมั่นในการทำการค้าที่ยุติธรรม เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทจากจีน”
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมในอัตรา 3 – 92% จากอิตาลี อินเดีย เกาหลีใต้ และไต้หวันด้วยเช่นกัน
โดยสหรัฐฯมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากจีนในอัตรา 450% แทนอัตราเดิมคือ 256% ที่จัดเก็บในปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตเหล็กในสหรัฐฯ และยุโรปอ้างว่า ผู้ผลิตเหล็กจากจีนขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด และทำให้กลไกตลาดทั่วโลกถูกบิดเบือนไป
บริษัทผู้ผลิตเหล็กทาทาของอินเดียประสบภาวะขาดทุนจนต้องปล่อยทิ้งโรงงานเหล็กในอังกฤษไว้เพื่อรอการขายต่อ ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทางสหภาพยุโรปได้ทำการสอบสวนบริษัทผู้ประกอบการส่งออกเหล็กจากจีน หลังจากมีการประท้วงครั้งใหญ่จากแรงงานในอุตสาหกรรมเหล็ก
โดยในการประชุมประเทศผู้นำเศรษฐกิจกลุ่มจี – 7 ในญี่ปุ่นครั้งนี้ นายฌ็อง คล้อด จังเกอร์ กล่าวว่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็ก
ที่ผ่านมา จีนมีท่าทีเพิกเฉยต่อคำวิจารณ์และตอบโต้ว่า เหล็กที่ผลิตในจีนไม่ได้ตั้งราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด หรือมีการกดราคาให้ถูกเกินไปแต่อย่างใดทางการจีนพยายามปรับลดอุตสาหกรรมเหล็กที่ขยายตัวเร็วเกินไปและกำลังมีอุปทานล้นตลาดให้มีขนาดเล็กลง
โดยในช่วงเวลาหลายปีที่อุตสาหกรรมเหล็กเฟื่องฟูนั้น เศรษฐกิจจีนมีตัวเลขการเติบโตสูงกว่า 10% ต่อปีมาโดยตลอด