อเมริกันบางส่วนเริ่มกลับมาทำงาน
(รอยเตอร์) – แรงงานจำนวนหนึ่งในรัฐจอร์เจียและรัฐอื่นๆในสหรัฐฯ เตรียมกลับไปทำงานเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน ขณะที่ข้อมูลซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ชี้ว่า มีคนว่างงานมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากไวรัสโคโรนา
ข้อมูลจากสื่อรอยเตอร์ชี้ว่า มีชาวอเมริกันกว่า 840,000 คนที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด – 19 และมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้เกือบ 48,000 คน
แองจี้ บุลแมน พร้อมที่จะกลับไปเปิดร้านทำผมของเธอในตัวเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจียอีกครั้งในวันที่ 24 เม.ย.
จากการยกเลิกมาตรการคุมเข้มให้กับฟิตเนส ร้านทำเล็บ และร้านค้าอื่นๆ เธอระบุว่าเธอและสามี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านร่วมกันมีลูกค้าจองคิวตัดผมแน่นตลอดสุดสัปดาห์นี้
“เราต้องกลับไปทำงานแล้ว ” บุลแมนกล่าว
รัฐจอร์เจียและรัฐเซาธ์แคโรไลนาอยู่ในบรรดารัฐที่อนุญาตให้ธุรกิจที่ไม่จำเป็นเปิดทำการได้อีกครั้ง ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขซึ่งเตือนว่า อาจมีการระบาดเพิ่มเป็นระลอกสองจากโควิด-19
ไบรอัน เคมป์ ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นพันธมิตรพรรครีพับลิกันกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันแผนการเปิดเมืองของเขา แม้จะได้รับคำทัดทานจากประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะอนุญาตให้ประชาชนมาอยู่รวมกลุ่มใกล้กันในฟิตเนสและร้านทำผม
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ดั๊ก คอลลินส ส.ส.รัฐจอร์เจียจากพรรครีพับลิกัน และเป็นหนึ่งในบรรดาส.ส.ที่สนับสนุนทรัมป์ในสภาล่างระบุว่า ทั้งเขา ผู้ว่าฯเคมป์ และทรัมป์ล้วนต้องการเปิดประเทศ เปิดดำเนินการธุรกิจอีกครั้ง แต่ข้อความที่สับสนปนเป ก่อให้เกิดความกังวล
“ มันทำให้ประชาชนสับสน ต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจน แต่เมื่อคุณบอกให้คนอยู่บ้าน แต่เรายังเปิดธุรกิจที่จำเป็น มันจึงเป็นปัญหา เพราะคนไม่แน่ใจในสิ่งที่ทำ” คอลลินสระบุในการให้สัมภาษณ์
อย่างไรก็ตาม คอลลินสเสริมว่า ในเขตทางเหนือของเมืองแอตแลนตามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลายรัฐผลักดันให้เปิดทำการธุรกิจอีกครั้งเนื่องจากมีข้อมูลล่าสุดชี้ว่า การระบาดของไวรัสซ้ำส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ชี้ว่า ชาวอเมริกัน 26.5 ล้านคนยื่นขอสวัสดิการคนว่างงานในช่วง 5 สัปดาห์ล่าสุด เป็นการยืนยันว่าอัตรางานในช่วงบูมของการจ้างงานที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ หายไปจากผลกระทบของไวรัส
เพื่อเป็นการพยุงเศรษฐกิจของประเทศ ส.ส.ในสภาล่างมีกำหนดจะประชุมและอภิปรายร่วมกันในวันที่ 23 เม.ย.เพื่อผ่านร่างกฎหมายเยียวยาจากไวรัสมูลค่า 484,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มูลค่าเงินทุนช่วยเหลือเยียวยาวิกฤตไวรัสทั้งหมดที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาพุ่งสูงไปเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์สัญญาว่าจะลงนามรับรองเป็นกฎหมายให้เร็วที่สุด
ผลสำรวจจากสื่อรอยเตอร์ในเดือนเม.ย. นี้ชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ต้องการอยู่ในสถานที่ปลอดภัยจากไวรัสโคโรนา แม้จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจก็ตาม.