ซอฟท์แบงค์/อาลีบาบาลงทุนในญี่ปุ่น
บริษัทซอฟท์แบงค์กรุ๊ปของญี่ปุ่นและบริษัทอาลีบาบากรุ๊ปของจีน ซึ่งมีบริษัทในเครือโทรคมนาคมของญี่ปุ่นถือหุ้นในทั้งสองบริษัทอยู่ประมาณ 30% เตรียมตัวร่วมทุนกันเพื่อเปิดตัวบริการการประมวลผลแบบคลาวด์ในญี่ปุ่น
โดยบริษัทเอสบีคลาวด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะสร้างฐานข้อมูลในญี่ปุ่นและให้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์ในญี่ปุ่น หลังจากได้ให้บริการในหลายๆประเทศมาแล้ว บริษัทอาลีบาบาได้เป็นผู้ให้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์ในจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ จึงทำให้บริษัทอาลีบาบาได้เพิ่มประเทศญี่ปุ่นเข้าไปเพื่อการให้บริการในอนาคต
บริษัทเอสบีคลาวด์จะเริ่มเปิดดำเนินการในปีนี้ โดยจะมีบริษัทซอฟต์แบงค์ถือหุ้น 60% และจะมีนายเอริค กาน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการฝ่ายบริหารของบริษัทซอฟต์แบงค์ เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทเอสบีคลาวด์
บริษัทเอสบีคลาวด์แถลงว่า การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศลงได้ถึง 1 ใน 3
บริษัทซอฟต์แบงค์ที่เป็นที่ตั้งของฐานข้อมูลในประเทศญี่ปุ่นได้ทำการยืนยันว่าจะไม่มีการส่งข้อมูลจากผู้ใช้ในญี่ปุ่นไปยังบริษัทที่จีน
นายเจี้ยน หวัง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีกล่าวว่า “ไม่มีใครซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปในประเทศจีน ผู้คนไม่ใช้คอมพิวเตอร์แล้ว คนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน และอัพโหลดข้อมูลไว้ในคลาวด์ ทำให้การประมวลผลแบบคลาวด์กลายเป็นพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับการเก็บข้อมูล”
นายเจี้ยนได้พูดถึงประเด็นสำคัญนี้ในงานอีเวนท์ที่จังหวัดชิบะ ซึ่งไม่ไกลจากกรุงโตเกียว
ในขณะเดียวกัน กลับมีกระแสข่าวอื่นอีกว่า บริษัทในเครือของอาลีบาบานั้นกำลังปกป้องตนเองจากผลกระทบของการขายสินค้าปลอมบนอี-คอมเมอร์ซ โดยสำนักข่าวเอพีพบว่ามีการเกี่ยวโยงกันระหว่างประธานของกลุ่มต่อต้านสินค้าปลอมระหว่างประเทศ และบริษัทอาลีบาบาซึ่งได้ร่วมมือกันในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา
อ้างอิงจากสำนักข่าวเอพี ประธานของกลุ่มต่อต้านสินค้าปลอมระหว่างประเทศได้เป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทอาลีบาบาและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรองประธานบริษัทอาลีบาบา ซึ่งอาจจะมีการเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันทางด้านผลประโยชน์ได้
จากการโหมประโคมข่าวของสำนักข่าวเอพี นำมาซึ่งการกล่าวหาจากหลายบริษัททั่วโลกว่า บริษัทอาลีบาบากำลังเป็นตลาดสินค้าปลอมที่ใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบัน.