‘ทรัมป์’ ประกาศเตรียมแผนเปิดประเทศ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศโรดแม็ป 3 เฟสในการเปิดประเทศ เปิดธุรกิจ โดยให้รัฐบาลท้องถิ่นเริ่มยกเลิกมาตรการเข้มงวดทางธุรกิจและการรวมตัวกันในสังคม
โดยผู้นำสหรัฐฯ มีการพูดคุยเรื่องแผนการทางโทรศัพท์กับบรรดาผู้ว่าการรัฐ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างทำเนียบขาวและรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เตือนว่าการผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอาจทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และสหรัฐฯยังคงขาดการประชุมเรื่องมาตรการต่างๆ
แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีปัญหาเนื่องจากมีผู้ยื่นคำร้องขอสวัสดิการคนว่างงานเพิ่มอีก 5 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว เฉพาะในเดือนมี.ค.เพียงเดือนเดียว มีชาวอเมริกัน 22 ล้านรายที่ยื่นขอสวัสดิการคนว่างงาน
ทรัมป์ใช้การประชุมมาแก้ต่างในประเด็นที่ว่าเขามีความขัดแย้งกับบรรดาผู้ว่าการรัฐ “ เรามีความสัมพันธ์ที่ดี เดโมแครต รีพับลิกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ”
“ คณะทำงานของผมจะออกข้อกำหนดใหม่ของรัฐบาลกลางที่จะให้ผู้ว่าการรัฐมีอิสระในการผ่อนคลายการล็อกดาวน์และเปิดรัฐได้ตามอำนาจที่มี” ทรัมป์กล่าว “ผู้ว่าการรัฐมีอำนาจในการตัดสินใจแผนการผ่อนคลายมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละรัฐ หากพวกท่านอยากจะปิดรัฐต่อ ผมจะให้อำนาจท่านทำได้ และเมื่อทุกคนเชื่อว่าถึงเวลาต้องเปิดประเทศ เราจะให้เสรีภาพและหลักเกณฑ์เพื่อให้บรรลุผล และอย่างรวดเร็วมากๆ”
แต่ก่อนจะไปถึงการผ่อนคลายเฟสแรก ทางรัฐจะต้องมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่และผู้ป่วยสะสมลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 14 วันของระยะฟักตัว
ในระหว่างเฟสแรก ประชาชนยังต้องอยู่บ้านต่อไป และเมื่อออกข้างนอกต้องรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล และไม่อนุญาตให้มีการรวมกลุ่มกันเกิน 10 คน โรงเรียนยังคงปิดอยู่ แต่ร้านอาหารและสถานที่สาธารณะอื่นๆจะเปิดทำการได้ต่อเมื่อมีการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด
ในเฟสสอง ห้ามมีการรวมกลุ่มกันเกิน 50 คน แต่ประชาชนสามารถเดินทางออกไปทำธุระที่ไม่สำคัญได้ โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนได้ตามปกติ และร้านอาหารเปิดได้ แต่คงรักษาระยะห่างทางสังคมไว้ตามเดิม
โดยเฟสสาม จะเป็นการกลับไปสู่สิ่งที่อาจเรียกว่า ความปกติในรูปแบบใหม่ (new normal) คือประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่มุ่งเน้นการมีสุขอนามัยที่ดี คือการล้างมือบ่อยๆ และเมื่อออกข้างนอก ก็พยายามไม่รวมกลุ่ม หรืออยู่ห่างจากคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
รัฐบาลกลางไม่ได้กำหนดไทม์ไลน์สำหรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในแต่ละเฟส ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและการตัดสินใจของผู้ว่าการแต่ละรัฐ
สำหรับรัฐแคลิฟอร์เนีย แทบจะเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพราะมีคนไร้บ้านจำนวนมาก
“ เป็นวิกฤตกว่าที่เรามองเห็น และหากอยากเปิดรัฐ ก็ได้ แต่จะจบไม่สวย ” เคท ไซเกอร์ ที่ปรึกษาทางการแพทย์ของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัมกล่าวให้ความเห็น โดยเสริมว่า มีค่ายคนไร้บ้านหลายแห่งที่ไม่มีน้ำประปาให้ล้างมือ หรือการรักษาระยะห่างของพวกเขาก็ไม่ดีพอ
ทั้งนี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ มีคนไร้บ้านประมาณ 150,000 คน จากข้อมูลของรัฐบาล
แม้ทรัมป์จะพยายามอยู่ให้ห่างจากการถูกวิจารณ์ทางการเมือง แต่ตัวเขาเองกลับโจมตีคนอื่น โดยไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแถลงข่าวในวันที่ 16 เม.ย. เขาโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์โจมตีแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตว่าเธอต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่ทำให้มีการแพร่ระบาดของไวรัส และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะเธอเชิญชวนให้ประชาชนไปรวมตัวกันที่ไชนาทาวน์ของซานฟรานซิสโกในวันที่ 24 ก.พ. ก่อนที่สามสัปดาห์ต่อมาจะมีการประกาศคำสั่งปิดเมืองและให้ประชาชนอยู่บ้าน
ที่ผ่านมา ตัวทรัมป์เองถูกพรรคเดโมแครตวิจารณ์ว่า ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ต่ำเกินไป และมีมาตรการรับมือกับวิกฤตที่ล่าช้าเกินไป