“ปานามา เปเปอร์” พ่นพิษใส่ผู้นำจีน
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. มีการเปิดเผยข้อมูลใน ‘ปานามา เปเปอร์’ ที่รั่วไหลออกมาครั้งใหญ่ว่ามีอย่างน้อย 3 ใน 7 ผู้ทรงอิทธิพลในพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่มีญาติผู้ใกล้ชิดเปิดบริษัทในต่างประเทศอย่างลับๆ
รัฐบาลจีนพยายามปกปิดอย่างสุดความสามารถหลังจากมีข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้สื่อเอ่ยถึงบรรดาผู้นำของจีน รวมถึงมีการบล็อคข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ตและการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘ปานามา เปเปอร์’ ด้วย
เอกสารจำนวนมหาศาลเหล่านี้มาจากบริษัทมอสแส็ค ฟอนเซก้า บริษัทกฎหมายที่ก่อตั้งขึ้นเป็นพิเศษในประเทศปานามา มีความเชี่ยวชาญในการหลบเลี่ยงภาษีและเปิดบริษัทลับให้แก่ลูกค้าผู้ร่ำรวยเพื่อเป็นการฟอกเงิน โดยข้อมูลที่รั่วไหลออกมาครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับผู้นำทางการเมืองและผู้ทรงอิทธิพลทั่วโลก
ในขณะที่รายละเอียดใน ปานามา เปเปอร์ บ่งชี้ถึงการจัดการผลประโยชน์ทางการเงินให้กับบรรดามหาเศรษฐี แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องหมายความว่าระบบการจัดการทั้งหมดของทุกบริษัทจะผิดกฎหมาย
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงซึ่งอยู่ในรายชื่อลำดับที่ 3 ของคณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนถูกอ้างถึงในรายงานว่า มีญาติผู้ใกล้ชิดเปิดบริษัทลับในต่างประเทศ โดยข้อมูลนี้เคยถูกเปิดเผยมาแล้วครั้งหนึ่งจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กในปี 2555 ว่าครอบครัวของนายสี จิ้นผิง มีอาณาจักรทางธุรกิจที่ร่ำรวยเกี่ยวข้องกับนายเติ้งและนางฉี เฉียวเฉียว น้องเขยและน้องสาวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งเท่ากับเป็นการยืนยันความน่าเชื่อถือของข้อมูลว่ามีความถูกต้องพอสมควร
เครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ (ICIJ) ได้เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ของการให้บริการเปิดบริษัทลับในต่างประเทศมีวัตถุประสงค์ที่ถูกกฎหมายและเป็นลูกค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เอกสารเหล่านี้แสดงว่า ธนาคารบริษัทกฎหมายและผู้ที่เปิดบริษัทในต่างประเทศมักจะไม่ตรวจสอบคุณสมบัติว่าลูกค้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย การเลี่ยงภาษี และการทุจริตทางการเมือง
การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะในครั้งนี้มีความอ่อนไหวและส่งผลกระทบมากเป็นพิเศษในจีน เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง มีกฎหมายบังคับใช้อย่างเคร่งครัดจริงจังเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นและพยายามชูภาพลักษณ์ของความเท่าเทียมกัน ถึงแม้จีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำและแตกต่างทางด้านรายได้ของประชาชนมากที่สุดก็ตาม
โดยทางไอซีไอเจพบข้อมูลที่รั่วไหลว่านายเติ้ง น้องเขยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ทำการเปิด 3 บริษัทในต่างประเทศก่อนที่นายสี จิ้นผิงจะเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำของจีนและชูมาตรการการปราบทุจริตเป็นหนึ่งในการมาตรการสำคัญในการบริหารประเทศและแสดงถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำที่เฉียบขาดของเขา
โดยส่วนใหญ่ของครอบครัวมหาเศรษฐีในจีนต่างเปิดบริษัทในต่างประเทศในช่วงเวลาของการบริหารประเทศของอดีตประธานาธิบดีหู จินเทา ซึ่งดำรงตำแหน่งก่อนหน้านายสี จิ้นผิง โดยมีข้อมูลว่า เครือข่ายธุรกิจที่เชื่อมโยงอย่างน้อย 5 ใน 9 คน ของกรรมการระดับผู้นำในพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงปี 2550-2555 ที่มีการเปิดบัญชีในบริษัทต่างประเทศ
นายเติ้ง น้องเขยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ จากแฟกซ์ของสื่อที่มีการส่งไปถึงเขาในบริษัทที่เมืองเสิ่นเจิ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เกี่ยวกับการเปิดบริษัทในต่างประเทศ