มาตรการคุมโควิด-19 ของเยอรมนีเริ่มได้ผล
เบอร์ลิน : เมื่อวันที่ 3 เม.ย. Robert Koch Institute (RKI) ระบุว่า หลายมาตรการของรัฐบาลเยอรมนีที่มุ่งเป้าชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มจะเห็นผล
“เราเห็นว่าการแพร่ระบาดของไวรัสเริ่มชะลอตัวลง … แสดงว่ามันได้ผล” โลธาร์ วีเลอร์ ประธาน RKI ย้ำว่ามาตรการเข้มงวดที่ส่งผลกับชีวิตประชาชน “จำเป็นต้องคงอยู่” และยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวอ้างถึงชัยชนะ
โดยวีเลอร์อธิบายว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสแต่ละคนแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นโดยเฉลี่ยได้ 1 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้จำนวนที่สามารถแพร่เชื้อได้คือมากถึง 7 ราย
“ หากจำนวนต่ำกว่าหนึ่งราย หมายความว่าการระบาดจะเริ่มคลี่คลาย นั่นคือเป้าหมายของเรา ” เขากล่าว
“เราทราบว่าเราทำให้ตัวเลขลดลงเป็นหนึ่งรายจากหลายมาตรการ และเราหวังจะลดลงให้ได้มากขึ้น ”
อย่างไรก็ตาม เขาขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการรวมกลุ่มกันมากกว่า 2 คน และกำหนดให้อยู่ห่างจากคนอื่น 1.5 เมตรตลอดเวลา
“ ผมขอพูดให้ชัดเจนมากๆว่า จำเป็นต้องคงมาตรการเหล่านี้ไว้ ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคมและการอยู่บ้าน ไม่เช่นนั้น เราจะไม่อาจกดให้ตัวเลขต่ำกว่าหนึ่งรายได้” เขาระบุ
หลายแคว้นทั่วประเทศเยอรมนีเริ่มมีบทลงโทษเพื่อปราบปรามผู้ที่ฝ่าฝืนละเมิดมาตรการคุมเข้มเหล่านี้
โดยในกรุงเบอร์ลิน ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับถึง 500 ยูโร ( ราว 17,950 บาท ) หากยืนอยู่ใกล้กันมากเกินไป
โดยเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ทาง RKI ได้ปรับเปลี่ยนคำแนะนำให้พลเมืองสวมหน้ากากที่ทำเองในสถานที่สาธารณะ
“เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจ” หน้ากากเช่นนั้นไม่ได้ปกป้องผู้สวมใส่ แต่อาจช่วยปกป้องคนอื่น วีเลอร์ระบุ
เขาเสริมว่า ยังไม่มีหลักฐานในทางวิทยาศาสตร์ว่าหน้ากากจะช่วยจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ก็ดูจะน่าเชื่อถือ
จากตัวเลขของ RKI ในวันเดียวกัน เยอรมนีมีผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 79,000 ราย มีผู้เสียชีวิตถึง 1,017 ราย และทางวีเลอร์ ประธาน RKI เตือนว่า ตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้
“ เราจะไม่จัดการตรวจทุกคน ผมประเมินว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าตัวเลขของทางการ” เขาระบุ
วีเลอร์ยังระบุว่า อัตราผู้เสียชีวิตยังคง “เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ในเยอรมนี
ทั้งนี้ ตัวเลขล่าสุดชี้ว่า อัตราการเสียชีวิตในเยอรมนี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 1.2% แต่ยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน.