ญี่ปุ่นล่าวาฬได้กว่า 300 ตัว
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. เรือประมงญี่ปุ่นกลับจากมหาสมุทรแอนตาร์กติกหลังล่าวาฬได้มากกว่า 300 ตัว ในจำนวนนี้ มีวาฬที่กำลังตั้งท้องรวมอยู่ด้วย
ในปี 2557 ศาลโลกได้มีคำพิพากษาตัดสินให้ญี่ปุ่นหยุดการล่าวาฬในมหาสมุทรทางใต้ โดยเรียกร้องให้หยุดในฤดูการล่าวาฬของปีนั้นในทันที แต่ญี่ปุ่นชี้แจงว่า ตั้งใจที่จะลดปริมาณการล่าวาฬลงในเวลาต่อมา
โดยญี่ปุ่นประกาศว่า มีแผนที่จะลดจำนวนการล่าวาฬมิงก์ลงถึง 2 ใน 3 จากปริมาณการล่าในปีที่ผ่านมา
กองทัพเรือประมงของญี่ปุ่นเดินทางออกทะเลเพื่อล่าวาฬตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ถึงแม้จะถูกนานาชาติวิจารณ์และตำหนิอย่างรุนแรง รวมถึงประเทศพันธมิตรสำคัญของญี่ปุ่นอย่างสหรัฐอเมริกาด้วย
เรือลำสุดท้ายของกลุ่มเรือล่าวาฬนี้เดินทางกลับถึงเกาะชิโมโนเซกิทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยสำนักประมงรายงานว่า มีจำนวนวาฬมิงก์ที่ล่าได้ในฤดูนี้ถึง 333 ตัว โดยเป็นวาฬตัวผู้ 103 ตัวและวาฬตัวเมีย 230 ตัว และ 90% ของปลาตัวเมียล้วนกำลังตั้งท้องอยู่ โดยสำนักประมงแถลงว่า
“วาฬที่ตั้งท้องมีจำนวนเท่าๆกับในปีก่อน ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์การผสมพันธุ์ของวาฬมิงก์ในมหาสมุทรแอนตาร์กติกอยู่ในระดับที่สมบูรณ์ดี”
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้มีการยืนยันมาเป็นเวลานานว่า การล่าวาฬไม่ได้เป็นการทำอันตรายวาฬ และการบริโภคเนื้อวาฬเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมา แต่หลังจากมีการเรียกร้องให้ญี่ปุ่นหยุดการล่าวาฬจากนานาชาติ ญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนจุดประสงค์ในการล่าวาฬมาเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์นับตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา
ปัจจุบัน ไม่มีการวางจำหน่ายเนื้อวาฬบนชั้นในร้านให้เห็นอีกต่อไป และชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็เลิกบริโภคเนื้อวาฬอย่างสิ้นเชิง
ญี่ปุ่นตั้งใจที่จะล่าวาฬให้ได้เกือบ 4,000 ตัวภายใน 12 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์และญี่ปุ่นเองได้กล่าวย้ำอยู่เสมอว่า เป้าหมายสูงสุดคือทำให้การล่าวาฬในเชิงพาณิชย์กลับมาสู่สภาพเดิมได้อีกครั้ง