ญี่ปุ่นได้ดุลการค้าในรอบ 4 ปี
ญี่ปุ่นเผยแพร่ข้อมูลว่า ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ดุลการค้าครั้งใหญ่ในรอบ 4 ปี จากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันตกต่ำ ถึงแม้ยอดนำเข้าและส่งออกจะลดลง ชี้ให้เห็นถึงอุปสงค์ที่ตกต่ำต่อเนื่องในตลาดญี่ปุ่นและตลาดต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. มีการรายงานข้อมูลเบื้องต้นว่า ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นลดลง 4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว มีมูลค่า 5.7 ล้านล้านเยนและยอดการนำเข้าลดลง 14% มีมูลค่า 5.46 ล้านล้านเยน
จึงมีผลทำให้ญี่ปุ่นได้ดุลการค้าสูงถึง 242,800 ล้านเยน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ขาดดุลการค้า 426,000 ล้านเยนและมียอดขาดดุลการค้า 648,800 ล้านเยนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการได้ดุลการค้าครั้งใหญ่นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2554 เป็นต้นมา
การนำเข้าน้ำมันและก๊าซหลังจากการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองฟุกุชิมะในเดือนมี.ค.ปี 2554 ทำให้ญี่ปุ่นเริ่มขาดดุลการค้าหลังจากได้ดุลการค้ามายาวนานก่อนหน้านี้
เงินเยนที่อ่อนค่ายิ่งทำให้ญี่ปุ่นมีภาระเพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แต่ราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยบรรเทาราคานำเข้าพลังงานที่สูงลิ่วของญี่ปุ่นลงไปได้
ทั้งนี้ ยอดการนำเข้าพลังงานจากตะวันออกกลาง ที่ญี่ปุ่นนำเข้าทั้งน้ำมันและก๊าซในเดือนก.พ.ลดดิ่งลงถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ยอดการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่ยอดการนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น 5% ส่งผลให้ได้ดุลการค้าถึง 604,100 ล้านเยน
นอกจากนี้ ยอดส่งออกไปจีนยังเพิ่มสูงขึ้น 5% ขณะที่ยอดนำเข้าทรุดลงเกือบ 21% ทำให้ยอดขาดดุลการค้ากับจีนลดฮวบลงถึง 50% มีมูลค่า 382,400 ล้านเยน
อุปสงค์ของตลาดต่างประเทศที่อ่อนแอลงได้ส่งผลแผ่ขยายไปในหลายภาคส่วนอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เช่น การส่งออกเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์และเคมีภัณฑ์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 4 ของยอดส่งออกทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้นเพียง 0.9%
หมายเหตุ 100 เยน = 30.70 บาท วันที่ 18 มี.ค. 2559.