อียูประกาศงบช่วยเหลือวิกฤติผู้อพยพ
เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ประกาศแผนช่วยเหลือกรีซและประเทศสมาชิกมูลค่า 700 ล้านยูโร หรือ 26,600 ล้านบาท เป็นงบเยียวยากรณีฉุกเฉินทางมนุษยธรรม เพื่อรับมือกับวิกฤติผู้อพยพ
นายคริสตอส สไตเลียไนด์ คณะกรรมการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของสหภาพยุโรป กล่าวว่า เงินกองทุนช่วยเหลือนี้จะดำเนินการจัดสรรจ่ายให้เป็นเวลา 3 ปี คือ 300 ล้านยูโรหรือ 11,400 ล้านบาทในปี 2559 และ 200 ล้านยูโรหรือ 7,600 ล้านบาทในปีถัดไป
นายสไตเลียไนด์ แถลงว่า“เราต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ทรมานทางมนุษยธรรมขึ้นในพรมแดนของเรา วันนี้เราจึงจัดเตรียมงบประมาณถึง 700 ล้านยูโรเพื่อช่วยเลือทุกประเทศที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน” เขายังแถลงต่อไปว่า
“ด้วยเงินจำนวนนี้ เราจะสามารถให้การช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆของสหภาพยุโรปได้รวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ โดยปัจจุบันนับได้ว่าไม่มีข้อกังขาใดๆ ที่จะให้ความช่วยเหลือต่อกรณีเร่งด่วนของผู้อพยพ”
หากแผนของคณะกรรมการได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิกและรัฐสภายุโรป ก็จะมีการจ่ายเงินงบประมาณให้กับประเทศที่เกิดวิฤติทันที
โดยคณะกรรมการกล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่แผนช่วยเหลือนี้ได้รับความร่วมมือจากสหประชาชาติและองค์กรที่ให้ความช่วยเหลืออื่นๆ
ทั้งนี้ นายสไตเลียไนด์ ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า กรีซจะได้รับงบประมาณเป็นจำนวนเท่าไร เนื่องจากจำนวนที่กรีซร้องขอมาคือ 480 ล้านยูโรหรือ 18,240 ล้านบาทเพื่อจัดสร้างที่พักให้กับผู้อพยพประมาณ 100,000 คน ถึงแม้เขาจะรับรู้ว่า กรีซค่อนข้างมีปัญหาที่หนักหน่วงมาก่อนหน้านี้แล้ว คือปัญหาเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ กรีซยังคงเป็นด่านแรกในการเข้าเมืองหลักที่ผู้อพยพใช้เป็นอันดับแรกโดยมีจำนวนผู้อพยพลี้ภัยสงครามในซีเรียข้ามเข้ามาในกรีซมากถึง 1.13 ล้านคนแล้วตั้งแต่ต้นปี 2558
กลไกและกระบวนการของความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมครั้งใหม่เริ่มทำงาน เมื่อสหภาพยุโรปแสดงออกถึงความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เร่งด่วนเป็นพิเศษ เช่น วิกฤติผู้อพยพ รวมถึงเรื่องนิวเคลียร์และอุบัติเหตุทางเคมี การก่อการร้าย หรือโรคระบาดร้ายแรง
นอกจากนี้ เงินกองทุนนี้ยังมีจุดประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือในด้านความต้องการพื้นฐานอื่นๆ เช่น อาหาร ที่พักและการรักษาทางการแพทย์ให้กับเด็กผู้หญิงและผู้ชายที่หลั่งไหลกันเข้ามาในยุโรปในปัจจุบัน.