ฝรั่งเศสประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ประธานาธิบดีฟร็องซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสได้ให้คำมั่นว่าจะกำหนดทิศทางธุรกิจของฝรั่งเศสใหม่ และพร้อมกันนี้ เขาได้ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ และสังคม”
นอกจากนี้เขายังได้เผยถึงแผนการฟื้นฟูการจ้างงาน และการปรับตัวให้เท่าทันกับเศรษฐกิจโลกที่เคลื่อนตัวไปอย่างเร็วในปัจจุบัน โดยแผนการนี้มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านยูโร หรือ 76,000 ล้านบาท (38 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
นักวิเคราะห์มองว่า มาตรการที่ประธานาธิบดีออลลองด์เสนอมานั้น ออกจะดูเจียมเนื้อเจียมตัวไปหน่อย และเขายังได้ย้ำว่าจะพยายามปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ก่อให้เกิดคำถามขึ้นกับการทำงานของเขาในแต่ละสัปดาห์
ทั้งนี้สื่อมองว่า การบริหารประเทศภายใต้ภาวะฉุกเฉินหลังถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ประธานาธิบดีออลลองด์ไม่ได้หาข้อสรุปเรื่องมาตรการเร่งด่วนใดๆทางด้านเศรษฐกิจเลย
ในการกล่าวสุนทรพจน์ประจำปีกับบรรดาผู้นำทางธุรกิจล่าสุด ประธานาธิบดีออลลองด์ได้เปิดเผยแผนการในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เช่น โครงการฝึกอบรมคนว่างงานกว่าครึ่งล้านคนในฝรั่งเศส การใช้ประโยชน์สูงสุดจากผู้ฝึกงานที่มีความสามารถ และการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทที่จ้างงานพนักงานอายุน้อย
ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคสังคมนิยมของประธานาธิบดีออลลองด์ต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างมากในการพลิกฟื้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสที่ซบเซามานาน และยังต้องพยายามลดอัตราการว่างงานเรื้อรัง ที่สูงถึง 10% มานานหลายปี โอกาสที่เขาจะชนะการเลือกตั้ง และได้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเลขการว่างงานที่ควรจะดีขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า
ประธานาธิบดีออลลองด์ได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการปรับเปลี่ยนแรงงานฝรั่งเศสให้เป็นมิตรกับธุรกิจมากขึ้น เพื่อผลักดันเศรษฐกิจออนไลน์ที่ไร้พรมแดนให้เฟื่องฟู มาตรการนี้รวมถึงการคลายกฎระเบียบในการทำงานของฝรั่งเศสที่เข้มงวดให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และรัฐบาลจะจ่ายเงินโบนัสจำนวน 2,000 ยูโรหรือ 76,000 บาท ให้กับธุรกิจขนาดเล็กที่จ้างงานคนอายุน้อยทุกๆ 1 คน
นอกจากนี้นายออลลองด์ยังได้ย้ำถึงความต้องการของรัฐบาลที่จะบูรณาการปัญหาวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในย่านชานเมือง รวมถึงการจับตาอย่างใกล้ชิดกับการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลก ปัญหาตัวเลขการว่างงานสูงของวัยรุ่นผิวสีในชุมชนแอฟริกันของฝรั่งเศสถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้วัยรุ่นหลายคนต้องกลายเป็นพวกหัวรุนแรง หรือผันตัวเป็นผู้ค้ายาเสพติด
โดยประธานาธิบดีออลลองด์ได้กล่าวสรุปว่า บางมาตรการจะผนวกรวมอยู่ในร่างกฎหมายปฏิรูปเศรษฐกิจที่จะเสนอต่อรัฐสภาในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า