อเมริกันเร่งออกจากสเปน หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน
พลเมืองสหรัฐฯ โบกมือลาสเปนหลังจากประเทศสเปนประกาศภาวะฉุกเฉิน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศห้ามการเดินทางจากยี่สิบกว่าประเทศในยุโรปเข้าสหรัฐฯ
หลังจากสามวันของมาตรการกักตัว บริการขนส่งสาธารณะในกรุงมาดริดถูกทิ้งร้าง ถนนสายหลักไม่มีรถวิ่ง และห้างสรรพสินค้าในเมืองเกือบจะว่างเปล่า
มีการสั่งปิดโรงเรียน หอสมุด และโรงละคร แม้แต่สนามเด็กเล่นกลางแจ้งก็ถูกปิด
ซาราห์ เนกี และ เกรแฮม โอเวน จากมอนทานา กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อ CNN ว่า พวกเขาคิดจะออกจากที่นี่ในเวลาที่ยังทำได้
“พ่อแม่เราที่บ้านคิดว่า จะมีสภาพเหมือนกันที่สหรัฐฯ ในเร็วๆนี้ พวกเขาอยากให้เราอยู่ด้วย ” พวกเขาเสริม
คอร์ทนีย์ ซีลีย์ นักศึกษาวัย 21 ปีจากบอสตัน แมสซาชูเสตส์ ซึ่งผ่านการฝึกงานในกรุงมาดริดกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อที่สนามบินว่า “ ฉันยังคงนิ่งอยู่จนกระทั่งมหาวิทยาลัยแจ้งให้เรากลับบ้าน พวกเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้เรา มันแพงมากๆ”
“ พ่อแม่ของฉันกังวลมากๆ ฉันหวังว่าจะได้กลับมาอีกเร็วๆนี้ และฝึกงานให้จบ ”
เจมส์ โดโนเก ซึ่งศึกษาอยู่ในกรุงลอนดอนและมาเยี่ยมซีลีย์ในกรุงมาดริดระบุว่า “ ทางม.ของผมแจ้งให้ผมกลับบ้าน และออกจากยูโรป เราเลยพยายามจะเดินทางออกจากสเปน ”
เดวิด และ ลูเซนดา เพรสนัล อายุ 71 ปีเท่ากัน กล่าวกับสื่อ CNN ว่า ลูกชายของพวกเขาช่วยเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินให้ก่อนจะมีประกาศแบนการเดินทางออกมา แต่พวกเขาได้ยินมาว่า คนอื่นต้องใช้เงินถึง 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ( 44,772 บาท ) เพื่อให้ออกจากสเปนก่อนกำหนดเส้นตายในคืนวันที่ 13 มี.ค.
“ เราวางแผนจะใช้เวลาเที่ยวในสเปนกันทั้งเดือน เราเที่ยวสนุกมา 9 วันแล้ว ” ลูเซนดา จากเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรีกล่าว “เราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิตาลี และคิดว่าคงจะเกิดในสเปนเหมือนกัน ลูกชายฉันอยากให้เรากลับมา ”
“ ในเกรนาดา ที่เราอยู่ คนไม่ค่อยระวังตัว ทำให้เรากังวล” เธอกล่าว
จนถึงตอนนี้ สเปนมีผู้ติดเชื้อกว่า 4,000 รายและมีผู้เสียชีวิต 120 ราย มากกว่า 62 ประเทศสั่งคุมเข้มเที่ยวบินจากสเปน ขณะที่โมรอกโกระงับการเดินทางทั้งหมด ทั้งทางอากาศและทางทะเลมาที่สเปน.