สหรัฐฯติดเชื้อเกิน 1,000 ราย
วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 10 มี.ค. สหรัฐฯ มีการยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 สูงเกิน 1,000 ราย หลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขวิจารณ์ทางการว่าประเมินโรคระบาดต่ำเกินไปและการตรวจคัดกรองไวรัสล่าช้า
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 ราย และติดเชื้อ 1,001 ราย จากรายงานของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ในสหรัฐฯ
จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการขยายการตรวจคัดกรองเนื่องจากมีการเปลี่ยนแนวทางการวินิจจัยโรคจากส่วนกลางมาที่แล็บของรัฐ
นักระบาดวิทยาระบุว่า การตรวจคัดกรองและยุทธศาสตร์การวินิจฉัยซึ่งตั้งเป้าที่คนจำนวนน้อยในช่วงแรกทำให้โรคระบาดแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเกินความสามารถของทางการสหรัฐฯ จะตรวจทดสอบได้
จากบทความในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (JAMA) เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินสและมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระบุว่า ความล้มเหลวในการคัดกรองทำให้ไวรัสฝังรากทั่วประเทศ
ในการแถลงที่ทำเนียบขาว รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์กล่าวปกป้องการรับมือโรคของรัฐบาลกลาง และระบุว่า “มีการตรวจคัดกรองนับล้านราย” เขาเสริมว่ายังมีจำนวนคนเพิ่มกว่านี้เนื่องจากรัฐบาลทำงานร่วมกับบริษัทเอกชนหลายแห่ง
จากตัวเลขล่าสุดของ CDC มีการตรวจทดสอบไวรัสไปแล้ว 8,554 รายจนถึงวันที่ 9 มี.ค. ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเกาหลีใต้ ซึ่งประกาศยืนยันผู้ติดเชื้อรายแรกในวันเดียวกับสหรัฐฯ ได้มีการตรวจทดสอบไวรัสไปแล้วกว่า 189,000 ราย จากรายงานใน Buiness Insider
โดยคณะผู้เขียนรายงาน JAMA ระบุว่า ในช่วงแรกจะมีการตรวจคัดกรองในสหรัฐฯ จาก CDC
“การใช้เกณฑ์ทดสอบที่กว้างขึ้นและอนุญาตให้มีการใช้กรอบการทดสอบที่ครอบคลุมมากขึ้นช่วยในการพิสูจน์ผู้ป่วยรายแรกในสหรัฐฯและควบคุมการแพร่ระบาดได้” มิเชล เมลโลจากม.สแตนฟอร์ด ผู้เขียนร่วมในรายงาน JAMA ระบุ
“ปัญหาการผลิตที่ขึ้นกับ CDC มีความเสี่ยง แต่ในความเป็นจริงคือ CDC ใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว ทำให้เกิดความสับสนอย่างสูง” เธอระบุในเพจของมหาวิทยาลัยของเธอ
ในระยะแรก CDC จะตรวจเฉพาะผู้ที่แสดงอาการชัดเจน หมายความว่าผู้ป่วยในแคลิฟอร์เนียคนหนึ่งซึ่งใช้เครื่องช่วยหายใจถูกปฏิเสธไม่ให้ตรวจนานถึง 5 วัน จากข้อมูลของแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยรายนั้น มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์หลังจากเคสผู้ป่วยรายนี้
เมลโลยังชี้ถึงการสื่อสารเรื่องโรคระบาดที่ผิดพลาดของทำเนียบขาวที่ไม่มีเสถียรภาพ ทั้งจากการประกาศว่าความพยายามในการควบคุมไวรัสนั้น “เกือบจะไม่มีจุดอ่อน” จนถึงการอ้างว่าจะมีวัคซีนใช้ได้ภายใน 3 – 4 เดือน
“ มีการส่งข้อความสื่อสารกับประชาชนของวอชิงตันถึงความร้ายแรงของปัญหา ที่ไม่คงเส้นคงวา หรือไม่มีความถูกต้อง และดิฉันกังวลว่าอาจทำให้ชาวอเมริกันมีขั้นตอนในการป้องกันการระบาดในประเทศน้อยลงกว่าที่เราควรมี” เธอกล่าว