เชื่อมั่นผู้บริโภคอินเดียต่ำสุดรอบ 3 ปี
มีผลสำรวจว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากภาคครัวเรือนหวั่นเกรงผลกระทบจากโครงสร้างเศรษฐกิจ และสถานะการเงินส่วนบุคคล
ทั้งนี้ผลสำรวจจาก MNI อินเดีย เปิดเผยว่า ดัชนีผู้บริโภคของอินเดียลดลงมาอยู่ที่ 113.7 ในเดือนพ.ย. ซึ่งนับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และจัดว่าเป็นระดับต่ำที่สุดของความเชื่อมั่นผู้บริโภคนับตั้งแต่ปี 2555 โดยได้มีการเริ่มจัดทำการสำรวจมาตั้งแต่ปี 2555 ผู้จัดทำการสำรวจกล่าวว่า
“แรงขับเคลื่อนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการลดลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย.คือตัวเลขการคาดการณ์สภาพเศรษฐกิจที่ร่วงลงอย่างชัดเจนในรอบ 1 ปี”
โดยผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้ให้เหตุผลว่าการลดอัตราดอกเบี้ย หรือมาตรการที่รัฐบาลออกมาเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดผลกระทบที่สำคัญอย่างไร ถึงแม้ว่าจีดีพีของอินเดียจะสูงถึง 7.4% ในไตรมาส 3 และแซงหน้าจีนไปได้ในไตรมาสเดียวกันแล้วก็ตาม
ธนาคารกลางอินเดียได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนถึง 4 ครั้งในปีนี้ แต่คงอยู่ที่ 6.75% อย่างมีเสถียรภาพ ในเดือนธ.ค. อัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนคืออัตราดอกเบี้ยที่สำคัญของประเทศที่ธนาคารกลางให้ยืมเงินแก่ธนาคารพาณิชย์
นโยบายการเงินที่เป็นอิสระคือการกระตุ้นการพลิกฟื้นอุปสงค์ของการลงทุนภาคเอกชน โดยทำให้ราคาการนำเข้าง่ายขึ้น และปรับปรุงสภาพการดำเนินธุรกิจให้ดีขึ้น
อีกหัวข้อหนึ่งที่ผู้ตอบแบบสำรวจอ้างถึงคือราคาผู้บริโภค โดย 93% ของผู้ถูกสำรวจให้ข้อมูลว่า พวกเขาได้ใช้รายได้ส่วนใหญ่ไปกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงมีเงินเหลือเก็บออม หรือนำไปลงทุนต่อได้น้อยมาก โดยพวกเขาตอบว่ารู้สึกไม่พอใจกับราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือนส.ค.2557 เป็นต้นมา
ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจเป็นข้อมูลที่ทำการสอบถามจากทางโทรศัพท์ และมีจำนวนผู้ตอบคำถามประมาณ 1,000 คน
อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย มีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคอยู่ที่ 5% ในเดือนต.ค. เงินเฟ้อราคาอาหารขายปลีกอยู่ที่ 5.25% เมื่อเปรียบเทียบกับ 3.88% ในเดือนก.ย. จากผลสำรวจเปิดเผยว่า ตัวเลขความเชื่อมั่นธุรกิจก็ลดลงต่ำที่สุดในเดือนพ.ย. นับตั้งแต่เดือนก.พ.2557 เป็นต้นมา