จีนเตือนภัยควันพิษในปักกิ่ง
ทางการจีนยกระดับการเตือนภัยหมอกควันพิษในปักกิ่งสู่ระดับสูงสุดในปีนี้
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. รัฐบาลจีนได้มีการเตือนภัยจากหมอกควันพิษเข้าสู่ระดับสีส้มซึ่งจัดว่าเป็นระดับสูงสุด และมีการสั่งให้โรงงานลดกำลังการผลิตลงโดยค่ามลพิษในอากาศที่อ่านได้ในบางจุดของเมืองปักกิ่งในวันที่ 29 พ.ย. นั้นสูงกว่าค่ามาตรฐานความปลอดภัยขององค์การอนามัยโลกถึง 17 เท่า
มลพิษทางอากาศทำให้เกิดความเสี่ยง ที่จะเกิดโรคเรื้อรังในระบบทางเดินหายใจของผู้คนที่อาศัยและทำงานในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สำคัญอีกหลายเมืองของจีน
สื่อของรัฐบาลจีนเปิดเผยว่า การประกาศเตือนภัยในระดับสีส้มคือต้องการให้โรงงานอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิต หรือหยุดการผลิตลง
มีการประกาศห้ามไม่ให้มีการขนส่งวัตถุดิบหรือของเสียต่างๆ และห้ามรถบรรทุกวิ่งบนถนนในตัวเมืองมีรายงานว่า ในบางจุดของเมือง ระยะในการมองเห็นได้ชัดเจนเหลือเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าค่ามลพิษที่วัดได้จากเครื่องวัดที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาในปักกิ่งมีความเป็นพิษสูง โดยวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่หนาแน่นในอากาศได้ถึง 400 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในบางพื้นที่
องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ปลอดภัยในการแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายคือ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ควันที่เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้าและระบบทำความร้อนจากถ่านหิน รวมทั้งฝุ่นจากสถานที่ก่อสร้าง ผสมรวมกันกลายเป็นหมอกควันที่ทวีความเป็นพิษจากความชื้นและไม่มีลมพัดผ่าน
แต่แนวปะทะอากาศเย็นที่คาดการณ์ว่าเกิดขึ้นที่ปักกิ่งในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ อาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์เลวร้ายนี้ได้
มลพิษในอากาศเป็นปัญหาที่รุนแรงมาโดยตลอดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย รวมทั้งเหมืองถ่านหินด้วย
เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาสื่อของรัฐบาลจีนและประชาชนต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงการเกิดวิกฤติมลพิษในเมืองเฉินหยาง โดยหนังสือพิมพ์พีเพิลสเดลี่ได้รายงานว่า มีการวัดค่ามลพิษในฝุ่นละอองขนาดเล็กได้สูงถึง 1,400 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บรรดาเอ็นจีโอหรือนักเคลื่อนไหวทางสังคมได้กล่าวประณามว่า เป็นคุณภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยพบในจีน
จีนมีความพยายามที่จะลดการปล่อยมลพิษในอากาศ แต่เนื่องจากต้องพึ่งพาพลังงานและอุตสาหกรรมจากถ่านหินเป็นจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหามลพิษให้หมดไป