ฝรั่งเศสกระตุ้นเศรษฐกิจหลังก่อการร้าย
หลังจากที่นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ปธน.ของฝรั่งเศส ได้ประกาศกร้าวว่า ฝรั่งเศสจะทำสงครามตอบโต้กับผู้ก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ
หลังจากโศกนาฏกรรมในกรุงปารีสเมื่อคืนวันที่ 13 พ.ย. ที่ผู้ก่อการร้ายไอซิสได้คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 129 คน รัฐบาลฝรั่งเศสก็สั่งให้มีการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่ซีเรียถึง 2 ครั้งเพื่อตอบโต้เหตุการณ์ร้ายนี้
นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส ได้แหกกฎข้อบังคับของสหภาพยุโรป ในเรื่องตัวเลขการขาดดุลของฝรั่งเศสที่ส่อถึงความเสี่ยงกับการใช้จ่ายงบประมาณในการทำสงคราม เขากล่าวว่า กติกาความปลอดภัยสำคัญกว่ากติกาความมั่นคง
ทั้งนี้หากวิเคราะห์ในแนวทางของสำนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่างเคนส์ การใช้งบประมาณในการทำสงครามสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ของนายวิลเลมบุยเทอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากซิตี้แบงค์ที่กล่าวว่า
“หากมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมหาศาลของภาครัฐระหว่างที่ทำสงคราม การใช้จ่ายภาคเอกชนจะลดน้อยลง เพราะมีความไม่มั่นคงมากระทบการบริโภค ดังนั้นเพื่อให้เกิดสมดุล จะต้องมีการกระตุ้นอุปสงค์”
เขากล่าวต่อไปว่า “สงครามที่ผ่านมาหลายครั้งไม่เคยทำให้งบประมาณของประเทศสมดุล”
ธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) อาจจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือปธน.ออลลองด์ของฝรั่งเศสอย่างไม่รอบคอบนัก ด้วยการเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรป และยังให้คงการลดต้นทุนการกู้ยืมต่อไป
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. จากรายงานการประชุมของธนาคารกลางแห่งยุโรป ยังไม่มีการนำเสนอข้อมูลใหม่จากการตีความในตลาดหุ้น อย่างการส่งสัญญาณว่าอาจจะมีมาตรการผ่อนคลายจากธนาคารกลางในเดือนธ.ค.
นายวิลเลมบุยเทอร์ กล่าวว่า “หากมีมาตรการ QE จากธนาคารกลาง ก็จะถือเป็นการดำเนินการช่วยเหลือฝรั่งเศสอย่างลับๆ ไปพร้อมกันทั้งการฟื้นฟูหนี้ และฟื้นฟูการขาดดุล”
เขายังกล่าวต่อไปว่า “เป็นโอกาสที่ดี ถ้าคุณจะขอยืมเงินจากธนาคารกลางในเวลานี้ และเป็นเวลาที่ดียิ่งขึ้นไปอีกของธนาคารกลางในการพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ”