เฟซบุ๊กบริจาคเงินให้โรงเรียน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ซีอีโอของบริษัท เฟซบุ๊ก และภรรยาบริจาคเงินมากถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่โรงเรียนในสหรัฐฯ เพื่อติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทเฟซบุ๊ก และนางพริสซิลล่า ชาน ภรรยาของเขา มีความห่วงใยในระบบการศึกษาของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน พวกเขามักจะพูดเสมอถึง
วิธีการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนในสหรัฐฯ ให้ดีขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังรอคอยบุตรคนแรกที่ใกล้จะถึงกำหนดคลอดเร็วๆ นี้
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ซีอีโอเฟซบุ๊กได้ประกาศว่า เขา และภรรยาจะบริจาคเงินจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรชื่อ เอดูเคชั่น ซูเปอร์ไฮเวย์ เพื่อช่วยในการติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในโรงเรียนรัฐบาลทั่วสหรัฐฯ ทั้งคู่เคยบริจาคเงินให้องค์กรนี้มาแล้วเมื่อปี 2556 เป็นจำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เขาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ทุกห้องเรียนควรจะมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ใช้ ที่จริงแล้วโรงเรียนในสหรัฐฯ ก็ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่มีไม่ถึงครึ่ง ที่เป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง”
ด้วยระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จะทำให้นักเรียนได้ใช้งานซอฟต์แวร์ที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อเรียนรู้ในการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเด็กทุกคน
ความคิดเรื่อง “การเรียนรู้ให้เหมาะกับบุคคล” เป็น 1 ในสิ่งที่ทั้งคู่ได้ทุ่มเททั้งเวลา และเงิน เพื่อสนับสนุนให้เป็นรูปธรรม มาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้ว
นางพริสซิลล่า ชาน ภรรยาของเขาได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรชื่อ “เดอะ ไพรแมรี่ สคูล” ซึ่งจะเปิดดำเนินการเดือนส.ค.2559 ในเมืองอีสต์ ปาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเป็นโรงเรียนเพื่อเด็กที่ครอบครัวมีรายได้น้อย ในบางกรณี อาจมีการรับเด็กเข้าเรียนตั้งแต่เด็กยังไม่คลอด และที่สำคัญ จะมีศูนย์สุขภาพครอบครัวเรเวนสวู้ดที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ คอยให้บริการดูแลสุขภาพของเด็กนักเรียน และครอบครัวจนถึงวันจบการศึกษา
นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เป็น 1 ในมหาเศรษฐีชั้นนำของโลก เขามีทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงถึง 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก และนิตยสารฟอร์บส
เขายังได้ลงนามใน “ข้อตกลงในการให้ของนายวอเรน บัฟเฟตต์” ซึ่งพยายามจูงใจให้บรรดามหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ทำสัญญาว่าจะบริจาคเงินอย่างน้อย 50% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือหลังจากเสียชีวิตแล้ว
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้อธิบายถึงเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของเขาว่ามีอยู่ 2 ประเภทกว้างๆ คือ “ปลดล็อคศักยภาพของมนุษย์” และ “ส่งเสริมความเท่าเทียมกัน”
คู่สามีภรรยาผู้ใจบุญนี้ ยังได้จัดตั้งกองทุนที่ปรึกษาของผู้บริจาค ในนามของพวกเขา เพื่อช่วยให้ทั้งสองคนได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการทำการกุศลต่อไป