ตำรวจเกาหลีใต้รวบผู้ประท้วง 49 คน
ตำรวจในกรุงโซลใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อควบคุมผู้ประท้วงในเกาหลีใต้ และจับกุมตัวผู้ประท้วงได้ 49 คน นับเป็นเหตุการณ์ปราบจลาจลบนถนนที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
รายงานข่าวระบุว่า ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงพุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีพัค กึน ฮเยลาออก
โดยมีประชาชนกว่า 130,000 คน ได้พากันออกมาประท้วงบนท้องถนน โดยมีกลุ่มคนที่มีจุดยืนแตกต่างกันหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ประท้วงจากภาคเกษตรกรรม ที่ต่อต้านการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ รวมถึงกลุ่มคนจากสหภาพแรงงานที่ต่อต้านการดำเนินนโยบายธุรกิจที่เป็นมิตรของ ประธานาธิบดีพัค กึน ฮเย
และยังมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่ออกมาประท้วงเรื่องที่รัฐบาลจะยกเลิกหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในชั้นมัธยม ที่จัดพิมพ์โดยเอกชน และจะบังคับให้ใช้หนังสือเรียนของรัฐบาลเท่านั้นในปี 2560 ซึ่งเท่ากับเป็นการ “ฟอกขาว” หรือ “ล้างคาวเลือด” ให้กับเหล่าอดีตผู้นำเผด็จการของเกาหลีใต้ที่ผ่านมา
เหล่าผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า “พัค กึน ฮเย ออกไป” ดังกึกก้องไปทั่วท้องถนน และตำรวจปราบจลาจลได้ยิงแก๊สน้ำตาและระดมฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ผู้ประท้วงที่พยายามจะบุกฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี
ประธานาธบดีพัค กึน ฮเย ขึ้นเป็นผู้นำหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเมื่อปี 2556 เธอได้พยายามผลักดันนโยบายที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งมากมายในตลาดแรงงาน คือให้มีกฎหมายที่ยืดหยุ่นให้กับนายจ้างมากขึ้น ในการให้ลูกจ้างออกจากงาน นายคิม แท วอน โฆษกของสำนักงานตำรวจนครบาลของกรุงโซลกล่าวว่า “เราจับกุมผู้ประท้วงได้ 49 คนจากการประท้วงเมื่อวันเสาร์ และเป็นการยากที่จะประเมินตัวเลขผู้ประท้วงทั้งหมด”
มีรายงานจากสหภาพแรงงานเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ว่า ชาวนาคนหนึ่งยังหมดสติจากโรคหลอดเลือดสมอง เพราะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จากแรงกระแทกของน้ำแรงดันสูงที่ตำรวจฉีดเข้าใส่ในระยะใกล้จนล้มคว่ำลง ในขณะที่มีจำนวนผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บมากกว่า 500 คน ทางสหภาพแรงงานแจ้งว่า จะมีการกลับมาประท้วงครั้งใหญ่อีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้