ลำดับเหตุการณ์โจมตีปารีส
การโจมตีช็อกโลก โดยการกราดยิงและระเบิด เมื่อคืนที่ 13 พ.ย.ในกรุงปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 129 คนและบาดเจ็บมากกว่า 350 คน
ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
21.20 ที่สนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์
มีการระเบิด 3 ครั้ง นอกสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงปารีส ขณะกำลังมีการแข่งฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี โดยแรงระเบิดคร่าชีวิตทั้งมือวางระเบิดและผู้คนที่ผ่านไปมา
มีนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ปธน.ฝรั่งเศสมานั่งชมอยู่ด้วย และมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันทางโทรทัศน์
เสียงระเบิดดังไปทั่วสนามกีฬา หลังจากระเบิดครั้งที่ 2 ก็มีการเร่งคุ้มกันปธน.ออกไปยังที่ปลอดภัย
หลังจากนั้น มือวางระเบิดพลีชีพ 3 คนก็ระเบิดตัวเองที่บู๊ธอาหารฟาสต์ฟู้ด 2 แห่ง และร้านอาหารใกล้สนามกีฬา
กลุ่มผู้ชมต่างวิ่งหนีกันโกลาหลอลหม่านเพื่อเอาชีวิตรอด
หลังจากจบการแข่งขันที่ทีมฝรั่งเศสชนะไป 2 – 0 บรรดาผู้เล่นทั้งสองทีมยังคงได้รับการคุ้มกันอยู่ในห้องพักนักกีฬาต่อไปเพื่อความปลอดภัย
21.25 โจมตีที่ถนนอาลิแบร์ท
การโจมตีต่อมาเกิดขึ้นที่ย่านสถานบันเทิงยามราตรีในเขต 10 ไม่ไกลจากจตุรัสปลาซ เดอ ลา เรปูบลีก
มีการกราดยิงในบาร์ชื่อ เลอ การิลลง ที่ตั้งอยู่บนถนนอาลิแบร์ท
ในตอนแรก พยานในเหตุการณ์คิดว่าเป็นเสียงจุดพลุ จนกระทั่งมีการเปิดฉากสาดกระสุนอย่างรุนแรงจากปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ
ร้านอาหารเลอ เปอติ ก็อมบอดจ์ ผู้เห็นเหตุการณ์บรรยายว่า มีชายคนหนึ่งข้ามถนนมาและหันกระบอกปืนเข้าไปในร้านอาหารกัมพูชาชื่อ เลอ เปอติ ก็อมบอดจ์ มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 15 คนทั้งที่บาร์และร้านอาหาร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 15 คนจากการสาดกระสุนทั้งหมดกว่า 100 ลูก
21.32 ถนนเดอ ลา ฟงแตน โอ รัว
จากนั้นมีการโจมตีถัดไปอีก 2-3 ถนนทางใต้ของถนนอาลิแบร์ท ข้างหน้าบาร์ชื่อ อะ ลา บอนน์ บิเอเร และร้านพิซซ่าชื่อลา คาซ่า นอสตรา ที่ตั้งอยู่บนถนนเดอ ลา ฟงแตน โอ รัว มีรายงานผู้เสียชีวิต 5 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 8 คน
จากรายงานของกรมอัยการของฝรั่งเศส ผู้ก่อเหตุร้ายลงมาจากรถสีดำ
21.36 การก่อเหตุร้ายที่ถนนเดอ ชารอน
มีการกราดยิงที่หน้าบาร์ชื่อ ลา แบล เอกีป บนถนนเดอ ลา ชารอน ในเขต 11 มีผู้ก่อเหตุร้าย 2 คน กราดยิงผู้คนไปทั่วราว 3 นาที และวิ่งกลับขึ้นรถที่ขับผ่านสถานีชารอนไป โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 19 คน
21.40 ที่ถนนบูเลอวาร์ด วอลแตร์
ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีมือวางระเบิดพลีชีพก่อเหตุปลิดชีพตัวเอง ด้วยการจุดระเบิดขึ้นที่ภัตตาคารชื่อเลอ กอมตัวร์ วอลแตร์ บนถนนบูเลอวาร์ด วอลแตร์ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คนจากเหตุการณ์นี้
21.49 โรงละครบาตากล็อง
เหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นที่สถานที่จัดคอนเสิร์ตบนถนนบูเลอวาร์ด วอลแตร์ในเขต 11 ขณะที่กำลังมีการแสดงคอนเสิร์ตของวงร็อกชื่อ อีเกิ้ลส์ ออฟ เดธ เมทัลอยู่ โดยมีผู้ชมเต็มจำนวนที่นั่ง 1,500 คนในโรงละคร
พยานในเหตุการณ์กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุ 3 คนสวมเข็มขัดที่บรรจุระเบิดจู่โจมจากข้างหลังโรงละคร โดยกราดยิงผู้ชมอย่างโหดร้ายเป็นเวลานาน มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 89 คน
พยานในเหตุการณ์ได้ยิน ผู้ก่อเหตุร้ายตะโกนเป็นภาษาอาหรับว่า “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” และกล่าวประณามปธน.ฝรั่งเศสที่เข้าร่วมในการจู่โจมประเทศซีเรีย นับเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่า ฝรั่งเศสตกเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายมุสลิมอีกครั้ง
เพราะความสับสนอลหม่านเพื่อหนีตาย ทำให้ผู้ชมจำนวนมากไม่สามารถหาทางออกจากโรงละครได้ จึงกลายเป็นการกักตัวประกันครั้งใหญ่
หลังจากประชุมกับนายมานูเอล วาลส์นายกรัฐมนตรี ปธน.ฝรั่งเศสได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปทั่วประเทศฝรั่งเศสทางโทรทัศน์ และมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจตราพรมแดน
จากคำสั่งนี้ทำให้มีปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือตัวประกันในโรงละครอย่างเด็ดขาดทันที
การล้อมปราบและยิงปะทะกันอย่างดุเดือดจบลงเมื่อมือปืนจุดระเบิดปลิดชีพตัวเองทั้งหมด
พยานในเหตุการณ์คนหนึ่งที่เป็นผู้สื่อข่าวกล่าวว่า เขาเห็นใบหน้าของผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งอย่างชัดเจนว่า เป็นคนหนุ่มที่มีหน้าตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ตำรวจฝรั่งเศสสรุปเหตุการณ์ว่า มีผู้ก่อเหตุร้าย 7 คนแบ่งเป็น 3 ทีมในการทำงานประสานกันเพื่อโจมตีในคืนวันที่ 13 พ.ย. และทุกคนได้เสียชีวิตหมดแล้ว
– มีผู้ก่อการร้าย 3 คนที่โรงละครบาตากล็อง
– ผู้ก่อเหตุร้ายอีกหนึ่งคนจุดระเบิดปลิดชีพตัวเองบนถ.บูเลอวาร์ด วอลแตร์
– อีก 3 คนจุดระเบิดสังหารตัวเองที่ร้านขายอาหารใกล้สนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์
หนึ่งในผู้ก่อการร้ายถูกระบุว่า เป็นชายชาวฝรั่งเศสอายุประมาณ 30 ปี มีประวัติอาชญากรรมแต่ไม่เคยต้องโทษจำคุก อย่างไรก็ตาม เขาเป็นแนวร่วมหัวรุนแรงที่นับถือศาสนาอิสลาม
มีการพบพาสปอร์ตของประเทศซีเรียในศพของผู้ก่อการร้าย 1 ใน 3 คนที่ใช้ระเบิดพลีชีพใกล้สนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์
โดยอาชญากรทั้ง 7 คนใช้ปืนไรเฟิลแบบคาลาชนิคอฟและสวมเสื้อที่บรรจุระเบิดแบบเดียวกัน
ตำรวจเชื่อว่า การจับกุมชาย 3 คนในประเทศเบลเยี่ยมเมื่อวันที่ 14 พ.ย. อาจมีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในครั้งนี้