อังกฤษยื้อแบงค์ให้อยู่ต่อ
สมาคมผู้บริหารธนาคารในอังกฤษรายงานว่า ต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนทางกฎหมายหากยังอยากให้อังกฤษเป็นศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลกต่อไป เพราะมีความเสี่ยงสูงที่หลายธนาคารชั้นนำจะย้ายไปสิงคโปร์และฮ่องกง
กฎระเบียบใหม่ ภาษี และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะกดดันในยุโรป ส่งผลให้ตำแหน่งงานของธนาคารในอังกฤษลดลง 8%
และมีจำนวนถึง 2 ใน 3 ของสมาชิกของสมาคมที่ได้ย้ายกิจการไปที่ประเทศอื่นตั้งแต่ปี 2553 รวมทั้งธนาคารHSBC ก็อาจจะย้ายไปเร็วๆนี้
ทางสมาคมแนะนำให้ภาครัฐแก้ไขกฎหมายให้แยกฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจค้าปลีกออกจากการลงทุนธนาคาร ลดภาษีลง และปรับแก้ไขข้อจำกัดเรื่องวีซ่าให้ง่ายขึ้นในการจ้างงานชาวต่างชาติ
นายแอนโธนี่ บราวน์ ซีอีโอของสมาคมผู้บริหารธนาคารอังกฤษ กล่าวว่า “ตอนนี้เราได้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของความสามารถในการแข่งขันของอังกฤษ ว่าจะยังเป็นศูนย์กลางของธนาคารชั้นนำระหว่างประเทศต่อไป หรือไม่ก็ปล่อยให้ธนาคารต่างประเทศหลายแห่งย้ายไปที่อื่น และตัดสินใจที่จะไม่ลงทุนในอังกฤษอีก “
เขายังกล่าวต่อไปว่า “ธุรกิจขนาดใหญ่คือการทำธุรกรรมบนโทรศัพท์มือถือระหว่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หากลดลงไปแล้วก็ยากที่จะพุ่งขึ้นมาได้”
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่า ภาคส่วนการธนาคารของอังกฤษยังชะลอตัวต่อไปขณะที่คู่แข่งเติบโตขึ้น
ใน 4 ปีนี้ มีการปรับพนักงานออกไปถึง 35,000 ตำแหน่ง และทรัพย์สินของธนาคารในอังกฤษลดลงมา 12% ในขณะที่ทรัพย์สินของธนาคารในสหรัฐฯ เติบโตขี้น 12% และมูลค่าทรัพย์สินของธนาคารในสิงคโปร์และฮ่องกงกลับเติบโตพุ่งขึ้น 24% และ 34% ตามลำดับ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนแบ่งการตลาดของธนาคารของยุโรปชั้นนำ 5 แห่งลดลงจาก 26% เป็น 24% ในขณะที่ธนาคารชั้นนำ 5 แห่งของสหรัฐฯ กลับมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 44% เป็น 48%
นอกจากนี้ อังกฤษยังเสียส่วนแบ่งการตลาดในการให้กู้เงินแก่บริษัทขนาดใหญ่ และการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอีกด้วย
สิ่งที่ทางสมาคมผู้บริหารธนาคารในอังกฤษเรียกร้องคือ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการลดภาษีธนาคารลงอย่างเร็ว ภายใต้แผนดำเนินการของกระทรวงนี้ จะมีการลดภาษีเป็นเวลา 6 ปี และจำกัดให้อยู่ในบัญชีงบดุลในประเทศถึงปี 2564 ทางสมาคมยังเรียกร้องให้ยุติการจัดเก็บภาษี 8% จากผลกำไรธนาคารด้วย