จีนเผยยอดส่งออกลดลงเป็นเดือนที่ 4
ยอดการส่งออกของจีนในเดือนต.ค. ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนสัญญาณของการเติบโตที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานศุลกากรของจีน รายงานว่า ยอดการส่งออกของจีนในเดือนต.ค. ลดลง 6.9% (คิดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน และลดลงมากกว่าเมื่อเดือนกันยายนก่อนหน้านี้ที่ลดลง 3.7%
รวมทั้งยังผิดการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า ยอดการส่งออกจะลดลง 3.0%
ในขณะที่ยอดการนำเข้าของจีน ลดลง 18.8% (คำนวณตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามยังดีกว่าเดือนก่อนหน้านี้ที่ลดลงอย่างแรงถึง 20.4%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดนำเข้าจะลดลง 16.0% (ตามโพลสำรวจของรอยเตอร์)
ส่งผลให้จีนได้ดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 61.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
และยอดการค้าระหว่างประเทศ (ส่งออก และนำเข้ารวมกัน) ลดลง 8.5% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต่ำกว่าที่ทางการของจีนวางเป้าหมายเอาไว้ตลอดทั้งปีว่าจะเติบโต 6% เป็นอย่างมาก
รายงานของทางการจีนยังระบุว่า เมื่อคำนวณตามค่าเงินหยวน ยอดการส่งออกของจีนในเดือนตุลาคม ลดลง 3.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเปรียบเทียบกับเมื่อเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 1.1% เมื่อคำนวณตามค่าเงินหยวน ในขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 16% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดีกว่าเมื่อเดือนก่อนหน้านี้ที่ลดลง 17.7% เมื่อคำนวณตามค่าเงินหยวน ส่งผลให้ได้ดุลการค้าอยู่ที่ระดับ 393.2 พันล้านหยวน
นอกจากนั้นรายงานยังระว่า ยอดการส่งออกไปญี่ปุ่นลดลงถึง 9% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดการส่งออกไปสหภาพยุโรปลดลง 3.7% ในขณะที่ยอดการส่งออกไปฮ่องกงลดลง 11.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในขณะที่ยอดการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา อันเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน เพิ่มขึ้น 5.8% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนยอดการส่งออกไปยังประเทศในอาเซี่ยนเพิ่มขึ้น 4.2%