‘ทรัมป์’ มีแผนแบนประเทศเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯระบุว่า เขามีแผนจะเพิ่มรายชื่อประเทศที่ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ มากขึ้นอีก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการอพยพเข้าสหรัฐฯ จำนวนมากอย่างที่ผ่านมา
คำสั่งแบน ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเมื่อสองปีก่อน เป็นการปิดพรมแดนสหรัฐฯไม่ให้พลเมืองจาก 7 ประเทศเข้ามา โดยส่วนใหญ่เป็นชาติมุสลิม
โดย 7 ประเทศนี้คือ ลิเบีย อิหร่าน โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน เกาหลีเหนือ และเวเนซุเอลา
จากรายงานของสื่อสหรัฐฯ มีการพิจารณาประเทศอื่นๆ ในยุโรป แอฟริกา และเอเชียเพื่อเพิ่มอยู่ในรายชื่อคำสั่งแบนของทรัมป์
โดยทรัมป์ยืนยันว่าจะมีเพิ่มอีกหลายประเทศ “ คุณก็เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโลกบ้าง ประเทศของเราต้องปลอดภัย” เขากล่าวกับสื่อในการประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าประเทศใดที่จะตกเป็นเป้าหมาย หรือมีกี่ประเทศ แต่ระบุว่า จะมีการเปิดเผยข้อมูลในเร็วๆนี้
โดยรายชื่อประเทศที่อาจถูกเพิ่มในรายชื่อ ซึ่งมีการรายงานครั้งแรกใน Politico อาจรวมถึงเบลารุส เมียนมา เอริเทีย คีร์กีซสถาน ไนจีเรีย ซูดาน และแทนซาเนีย แต่รายชื่อที่รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาอาจแตกต่างจากนี้ได้
ทั้งนี้ มีรายงานเกี่ยวกับการขยายรายชื่อประเทศที่ถูกแบนเพิ่มขึ้นผุดขึ้นมา หลังจากครบรอบ 3 ปีของคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี
คำสั่งแบนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งทรัมป์ลงนามให้เป็นคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีได้เพียง 7 วัน มีการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลังจากมีการยื่นคัดค้านต่อศาลอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันคำสั่งแบนเข้าประเทศสหรัฐฯ มีผลกับพลเมืองจากอิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน เวเนซุเอลา และเกาหลีเหนือ
ในเดือนมิ.ย.2561 ศาลสูงพิพากษาเห็นพ้องกับคำสั่งแบนของทรัมป์ โดยยกคำร้องจากศาลชั้นต้นที่ระบุว่าคำสั่งแบนนั้นขัดรัฐธรรมนูญ
Hogan Gidley โฆษกทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลไม่มีแผนที่จะประกาศเกี่ยวกับคำสั่งแบน ซึ่งเขาอธิบายว่า “ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการปกป้องประเทศของเรา และยกระดับความมั่นคงทั่วโลก”
“ ทั้งสามัญสำนึกและความมั่นคงของชาติชี้ว่า หากประเทศใดอยากเข้าร่วมโครงการอพยพเข้าเมืองของสหรัฐฯ ควรจะปฏิบัติตามมาตรการความั่นคงและการรับมือกับการก่อการร้าย” Gidley ระบุ “ เพราะเราไม่อยากนำการก่อการร้าย หรือภัยคุกคามต่อความมั่นคงอื่นๆเข้ามาในสหรัฐฯ ”
มีคำวิจารณ์คำสั่งแบนว่า เหตุการณ์ร้ายครั้งสำคัญ เช่น เหตุ 9/11 โจมตีนิวยอร์ก, เหตุระเบิดในการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่บอสตัน และเหตุกราดยิงที่ไนท์คลับในออร์แลนโด เกิดจากคนร้ายที่มาจากประเทศอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกแบน หรือ โดยคนร้ายที่เกิดในสหรัฐฯเอง
และไม่เหมือนกับรายชื่อครั้งแรก เพราะรายชื่อประเทศที่เพิ่มเข้ามามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น ไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่ร่วมกันต่อต้านการก่อการร้ายกับสหรัฐฯ.