เสียวหมี่หวังบุกตลาดสหรัฐฯ แม้มีสงครามการค้า
ดาวอส , สวิตเซอร์แลนด์ – เสียวหมี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงมีความหวังที่จะบุกตลาดสหรัฐฯ แม้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินอยู่ จากข้อมูลของผู้บริหารที่ให้กับสื่อ
บริษัทผู้ผลิตสินค้าเล็กทรอนิกส์ของจีนแห่งนี้ มีการขยายตัวเติบโตในระดับนานาชาติอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอินเดีย ยุโรป และอีกหลายพื้นที่ของโลก แต่ยังไม่สามารถเข้าตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่แอปเปิลและซัมซุงครองตลาดอยู่
ในปี 2561 ผู้บริหารอาวุโสของเสียงหมี่กล่าวกับสื่อ CNBC ว่า บริษัทกำลังเตรียมพร้อมเพื่อเข้าตลาดสหรัฐฯ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เกิดขึ้น
แต่จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกรอบจากการประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอส โชวจีชิว ประธานระหว่างประเทศและซีเอฟโอของเสียวหมี่ระบุว่า สหรัฐฯยังคงอยู่ในสายตา เมื่อถูกถามว่าเสียวหมี่ยังคงจับตามองตลาดอเมริกัน แม้จะมีการต่อต้านจีน และแอปเปิลกับซัมซุงครองตลาดอยู่หรือไม่ ทางโชวระบุว่าบริษัทยังจับตาตลาดสหรัฐฯอยู่
“ที่จริงแล้ว เรายังเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาแค่ 9 ปี การขยายตัวทั่วโลกของเราเริ่มตั้งแต่ปี 2557 – 2558 ดังนั้น เรายังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อให้เราเติบโตได้ในตลาดใหม่” เขาให้สัมภาษณ์สื่อ “และภายในเวลาที่กำหนด ผมอยากให้เราเติบโตในหลายตลาด เราอยากนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีให้ผุ้ใช้งาน รวมทั้งในสหรัฐฯ”
โชวระบุว่า เสียวหมี่อยู่ใน ‘ขั้นตอนเตรียมตัว’ ในการเข้าตลาดสหรัฐฯ
แบรนด์จีนไม่ได้ถูกปิดกั้นในตลาดสหรัฐฯ ไปทั้งหมด โดยแบรนด์คอมพิวเตอร์พีซี ‘เลอโนโว’ ของจีน ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับ 3 จากข้อมูลของ Gartner และสมาร์ทโฟนแบรนด์เลอโนโว ที่เข้าซื้อแบรนด์โมโตโรลลา เป็นผู้ขายสมาร์มโฟนอันดับ 5 ในสหรัฐฯ จากข้อมูลของ Counterpoint Research
อย่างไรก็ตามในปี 2561 หัวเว่ยพยายามที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงในสหรัฐฯผ่าน AT&T แต่ข้อตกลงล้มเหลว นับจากนั้น หัวเว่ยตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ โดยถูกกล่าวหาว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมความลับให้กับรัฐบาลจีนได้ แต่หัวเว่ยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เสียวหมี่พบความสำเร็จในหลายตลาดรวมทั้งอินเดีย ซึ่งตอนนี้สมาร์ทโฟนแบรนด์เสียวหมี่ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 แซงหน้าซัมซุงไปแล้ว ไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก ปัจจุบัน บริษัทกำลังจับตาตลาดยุโรป ซึ่งมีการขยายตัวตั้งแต่ปี 2560
“ ในอีก 2 – 3 ปีหน้า เราจะเน้นที่ตลาดยุโรปตะวันตก” โชวกล่าว โดยเสริมว่าบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดระหว่างประเทศ.