ชี้แนวโน้มติดเชื้อปอดอักเสบอู่ฮั่นเกิน 1,300 ราย
ฮ่องกง : มีประชาชนในเมืองอู่ฮั่นที่มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อโรคปอดอักเสบที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างน้อย 1,300 รายในช่วงวันที่ 1 – 17 ม.ค. ทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 ม.ค.
โดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ระบุข้อมูลบนพื้นฐานการวิจัยจากประสบการณ์ในการศึกษาการแพร่ระบาดของโรค Sars ในฮ่องกงเมื่อปี 2546 และการแพร่ระบาดของโรค Mers ในเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.จีนรายงานผู้เสียชีวิตรายที่ 4 จากการติดเชื้อโคโรนาไวัส และจนถึงตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 291 ราย โดยมีอาการของโรคคือ มีไข้ ไอ และหายใจลำบาก
แต่จนถึงตอนนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่นเพิ่มเป็น 6 รายแล้ว
“ ตามที่เราคาดเดา มีจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองนี้เกิน 1,300 ราย” ศ.เกเบรียล เหลิง จากคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยระบุ “ แต่ไม่ถึง 1,700 ราย”
เขาเสริมว่า “ เป็นเรื่องสำคัญมากที่กระทรวงสาธารณสุขควรตระหนักถึงการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะกลายเป็นเหมือนระเบิด”
โรคปอดอักเสบนี้ยังได้ระบาดจากเมืองอู่ฮั่นไปยังเมืองอื่นของจีน โดยกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายแรกของทั้งสองเมืองเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ขณะที่มีผู้ติดเชื้อผุดขึ้นมากกว่า 12 รายในมณฑลกวางตุ้ง
นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน คือในประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และล่าสุดคือไต้หวัน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่น ทำให้กระทรวงสาธารณสุขทั่วโลกเฝ้าระวัง
จับตามองและตรวจคัดกรองด้วยการวัดอุณหภูมิร่างกายที่สนามบินของแต่ละประเทศอย่างเข้มงวด เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ชาวจีนหลายร้อยล้านคนเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ
เรามีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ รวมถึงต้นกำเนิดของมัน และมีการยืนยันว่า เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อหลายรายที่ไม่ได้ไปตลาดค้าส่งอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น หรือสัมผัสกับสัตว์ใดๆ เพราะในตอนแรก เชื่อกันว่าไวรัสตัวนี้ติดต่อมาจากค้างคาว โดยในเมืองอู่ฮั่น ยังมีตลาดขายสัตว์ป่าด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่า โรคปอดอักเสบนี้ไม่ร้ายแรงเท่าไวรัสโคโรนาตัวที่ทำให้เกิดโรค Sars ซึ่งคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อไปเกือบ 800 รายทั่วโลกในการระบาดเมื่อปี 2545 – 2546 โดยไวรัสนี้มีต้นกำเนิดมาจากจีน.