คนฮ่องกงซึมเศร้ามากขึ้นหลังเหตุไม่สงบหลายเดือน
ฮ่องกง ( บลูมเบิร์ก) – มีชาวฮ่องกงจำนวนมากขึ้นที่แสดงสัญญาณว่ามีภาวะซึมเศร้า หรือภาวะป่วยทางจิตหลังเหตุรุนแรง (PTSD) หลังจากมีการประท้วงรุนแรงนานหลายเดือนในฮ่องกง จากผลการศึกษานานหนึ่งทศวรรษที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ในวารสารการแพทย์ Lancet
จากผลการศึกษา ภาวะซึมเศร้าในบรรดาชาวฮ่องกงที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่มีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย หรือที่เรียกว่า ‘ปฏิวัติร่ม’ ในปี 2557 ที่มีการเดินขบวนชุมนุมตามท้องถนนครั้งใหญ่นานถึง 79 วัน
คนที่มีอาการ PTSD เพิ่มขึ้น 32% ในเดือนก.ย. – พ.ย. 2562 ซึ่งเป็นช่วงพีคที่สุดของเหตุความไม่สงบ ขณะที่หลังช่วงปฏิวัติร่ม ที่มีความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ผู้ที่มีอาการเพิ่มขึ้นเพียง 5%
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงทำการศึกษาจากผู้ใหญ่ 18,045 ราย และกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มจาก 1,000 ราย
“ มีรายงานผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า หรือต้องสงสัยว่าอาจเป็น PTSD มากถึง 1 ใน 5 ซึ่งสามารถเทียบได้กับผู้ที่ผ่านประสบการณ์ความขัดแย้งทางทหาร , ภัยพิบัติขนาดใหญ่ หรือเหตุก่อการร้าย” นักวิจัยระบุ
มีสัญญาณเตือนว่าฮ่องกง “ มีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาระสุขภาพทางจิดที่สูงมาก” และคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใหญ่หลายแสนคนที่ได้รับผลกระทบมากขึ้นต้องเข้ารับการรักษา เพิ่มขึ้นถึง 12%
ผู้จัดทำการศึกษาเน้นว่า การใช้เวลาในโซเชียลมีเดียกับข่าวทางสังคมและการเมืองมากๆอาจทำให้มีอาการของภาวะซึมเศร้าได้
สถานการณ์ที่มีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจ และมีการจับกุมคนจำนวนมาก ได้มีการไลฟ์สตรีมและแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียโดยสำนักข่าวและบุคคลในระหว่างการชุมนุมประท้วง
ความเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจนถึงตอนนี้ กินเวลานานถึง 7 เดือนแล้ว กลายเป็นเหตุความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ฮ่องกงกลับมาเป็นของจีนในปี 2540 และฉุดให้เศรษฐกิจของฮ่องกงถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อทศวรรษก่อน
ทั้งนี้ ทางการฮ่องกงคาดการณ์ว่าจะสามารถรับมือกับความท้าทายที่ยากลำบากได้ในปีนี้ ทั้งการเลย์ออฟพนักงานที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาและการปิดร้านที่อาจเกิดขึ้นในอีก 2 – 3 เดือนหน้า.