บอริส จอห์นสันชนะเลือกตั้งอังกฤษอีก
ลอนดอน : นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันแห่งพรรคอนุรักษ์นิยมชนะครองเสียงข้างมากในสภา ทำให้เขาสามารถพาสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปได้ในไม่กี่สัปดาห์นี้
โดยผลการเลือกตั้งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมชนะไปโดยได้ 326 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่เอ็กซิทโพลล์เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ชี้ว่า ทางพรรคจะชนะ 368 ที่นั่ง
“ ผมคิดว่า นี่จะเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในตอนนี้ ในรัฐบาลใหม่นี้ โอกาสคือการเคารพเจตนาที่เป็นประชาธิปไตยของชาวอังกฤษ” จอห์นสันระบุหลังชนะการเลือกตั้ง
เขาระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมดูจะชนะ “ด้วยอาณัติใหม่ที่ทรงพลังเพื่อให้เดินหน้าเรื่องเบร็กซิท”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯกล่าวแสดงความยินดีกับนายกฯจอห์นสัน โดยระบุว่า
“ ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของบอริส”
คาดการณ์ว่าพรรคแรงงานจะได้คะแนนเสียงทั้งหมด 203 ที่นั่ง ซึ่งเป็นผลการเลือกตั้งที่ตกต่ำที่สุดของพรรคนับตั้งแต่ปี 2478 เป็นต้นมา หลังจากทางพรรคเสนอให้มีการทำประชามติรอบใหม่ และจะเป็นรัฐบาลสังคมนิยมที่มีแนวคิดหัวรุนแรงที่สุดในหลายยุค ทำให้เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานระบุว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรต
ขณะที่เดนนิส สกินเนอร์ ส.ส.พรรคแรงงาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นส.ส.ในสภามายาวนานที่สุด โดยครองตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2513 ต้องสูญเสียที่นั่งของเขาไป เนื่องจากเสียงสนับสนุนพรรคแรงงานเปลี่ยนไปสนับสนุนจอห์นสันจากพรรคอนุรักษ์นิยม และคำสัญญาของเขาที่จะขับเคลื่อนเบร็กซิทให้ดีที่สุด
ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งของพรรคอนุรักษ์นิยม นับเป็นการตอกย้ำความพ่ายแพ้อย่างชัดเจนให้กับบรรดาผู้ที่คัดค้านเบร็กซิท
ผลเลือกตั้งจากทั่วประเทศชี้ว่าเอ็กซิทโพลล์ยังคงเชื่อถือได้ และการเสี่ยงของจอห์นสันให้มีการเลือกตั้งอย่างกระทันหันนั้นส่งผลดีกับเขา ทำให้เขาสามารถจัดการเรื่องข้อตกลงเบร็กซิทกับอียู
และทำให้สหราชอาณาจักรออกจากอียูได้ในวันที่ 31 ม.ค. 2563 ( ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิม 10 เดือน )
เนื่องจากสหราชอาณาจักรอยู่เป็นสมาชิกของอียู ซึ่งเป็นประชาคมการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบครึ่งศตวรรษ ทำให้จอห์นสันประสบกับความท้าทายในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศใหม่ และปกป้องให้ประเทศยังคงสถานะฮับการเงินสำคัญของโลก และรวมให้สหราชอาณาจักรอยู่ร่วมกันอย่างมีเอกภาพ
ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น และนับเป็นหนึ่งในการปรับขึ้นค่าเงินที่มากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 2 ทศวรรษ โดยเงินปอนด์พุ่งสูงที่สุดในรอบ 19 เดือนมาอยู่ที่ 1.3516 ดอลลาร์สหรัฐฯ และแข็งค่าที่สุดต่อเงินยูโร นับตั้งแต่มีการทำประชามติเบร็กซิทในปี 2559 เป็นต้นมา