‘ทรัมป์’ ชี้ใกล้ปิดดีลการค้าจีน แต่ยังจับตาฮ่องกง
วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯระบุว่า สหรัฐฯอยู่ในระยะสุดท้ายของความพยายามจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน แต่ในขณะเดียวกัน วอชิงตันก็ยืนหยัดกับผู้ประท้วงในฮ่องกง ซึ่งต้องการประชาธิปไตย
ในช่วงเวลาที่ผู้นำสหรัฐฯมีกำหนดจะลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงที่มีต่อสตรีพื้นเมืองอเมริกัน ทรัมป์ถูกสื่อถามว่า เขาอยากจะส่งสารถึงชาวฮ่องกงหลังการเลือกตั้งท้องถิ่นว่าอย่างไร หลังจากบรรดาผู้สมัครที่สนับสนุนประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
“ เราอยู่กับพวกเขา” ทรัมป์กล่าว “ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก อย่างที่คุณทราบ กับท่านประธานาธิบดีสี เราอยู่ในขั้นสุดท้ายของดีลที่สำคัญมาก ผมว่านี่เป็นหนึ่งในข้อตกลงการค้าที่สำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา มันกำลังไปได้ดีมาก แต่ขณะเดียวกัน เราก็อยากเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในฮ่องกงด้วย”
“ และผมคิดว่ามันจะดี ผมว่าท่านประธานาธิบดีสีทำให้เกิดขึ้นได้ ผมรู้จักท่านและผมรู้ว่าท่านทำได้”
ทรัมป์ไม่ได้ถูกถามโดยตรงเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่สนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกงซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา หลังจากผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การผ่านกฎหมายฉบับนี้ทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจ และทรัมป์ต้องตัดสินใจว่าเขาจะลงนามรับรองกฎหมาย หรือใช้สิทธิยับยั้ง (วีโต้) เนื่องจากเขาพยายามจะทำข้อตกลงกับจีนเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยาวนานถึง 16 เดือนแล้ว
ทรัมป์ระบุถึงเหตุจลาจลในฮ่องกงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้จีนจัดการกับประเด็นนี้อย่างมีมนุษยธรรม ขณะที่เตือนซ้ำอีกถึงผลกระทบทางการค้า
โดยกฎหมายใหม่ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาในทางลับและจากสภาผู้แทนราษฎร กำหนดให้กระทรวงต่างประเทศรับรอง อย่างน้อยปีละครั้ง ว่าฮ่องกงยังคงมีเอกราชเพื่อให้ได้รับเงื่อนไขการค้าที่น่าพอใจจากสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้ฮ่องกงยังคงสถานะเป็นศูนย์กลางการเงินของโลกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการขู่ว่าจะมีการคว่ำบาตร หากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
“ สหรัฐฯยังคงสนับสนุนคุณค่าของประชาธิปไตย เสรีภาพขั้นพื้นฐานในฮ่องกง ตามหลักการ หนึ่งประเทศ สองระบบ และเป็นกำลังใจให้ประชาชนชาวฮ่องกง” ไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าว
ประธานาธิบดีมีสิทธิยับยั้ง หากได้เสียงสนับสนุนถึง 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา โดยร่างกฎหมายจะกลายเป็นกฎหมายโดยอัตโนมัติในวันที่ 3 ธ.ค.หากทรัมป์เลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย
โดยปอมเปโอระบุในการแถลงข่าวว่า เขาตั้งเป้าเรื่องสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียง โดยชี้ว่าเอกสารที่รั่วไหลออกมาเมื่อเร็วๆนี้ยืนยันว่า มีการละเมิดสิทธิของชาวมุสลิมอุยกูร์ และชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยอื่นๆ “อย่างชัดเจนมาก” ในสถานที่ควบคุมตัวที่นั่น