ผู้ประท้วงฮาร์ดคอร์ฮ่องกงยังอยู่ใน ม.
ฮ่องกง – กลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกงหัวรุนแรงยังคงยึดพื้นที่ในมหาวิทยาลัยเป็นฐานที่มั่นต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 5 แล้ว โดยมีตำรวจปราบจลาจลล้อมอยู่โดยรอบ
มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกงกลายเป็นสมรภูมิรบจากการปะทะรุนแรงของทั้งสองฝ่ายก่อนหน้านี้ โดยตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วง ขณะที่ผู้ประท้วงยิงธนูและขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจ
นักศึกษาหลายร้อยคนออกจากมหาวิทยาลัยเพราะความกลัว และสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ลงในสัปดาห์นี้ โดยส่วนใหญ่ถูกตำรวจจับกุมอย่างรวดเร็วในข้อหาก่อการจลาจล และยังไม่มีการลดกำลังตำรวจลงอย่างเห็นได้ชัดในวันที่ 21พ.ย.ที่ผ่านมา
แต่ผู้ประท้วงหลายสิบคนในชุดดำยังคงเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของทางการให้พวกเขายอมมอบตัว สื่อ AFP รายงาน
ผู้ประท้วงสวมหน้ากากวัย 30 ปี ซึ่งระบุว่าชื่อ ไมค์ ไม่ยอมออกมามอบตัว โดยเขาระบุว่า แรงกดดันจากนานาชาติและในฮ่องกงเองจะทำให้ทางการต้องล่าถอยด้วยความละอายใจ
“ ก็ลองดู ยินดีต้อนรับ (ให้บุกเข้ามาใน ม.)” เขากล่าว ในข้อความถึงตำรวจ “ นี่จะเป็นการเล่นเกมซ่อนหาที่สนุกมาก”
“ ตำรวจกำลังประเมินผิด หากคิดว่าเราจะยอมมอบตัว เรามีเสบียงเยอะแยะ ทั้งอาหารและน้ำ เราอยู่ได้นานเป็นเดือนเลย”
ผู้ประท้วงคนอื่นกล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่าที่พวกเขายังรออยู่ไม่ใช่ต้องการสู้กับตำรวจ แต่เพราะพวกเขาไม่ผิด และยังมองหาเส้นทางหลบหนีอยู่ “ ฉันไม่มอบตัว การมอบตัวมีไว้สำหรับคนทำผิด พวกเราไม่ได้ทำผิด” นักศึกษาวัย 20 ปีคนหนึ่งที่ชื่อมิเชลระบุ
ขณะที่เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ในย่านธรุกิจของฮ่องกง ยังคงมีการประท้วง และร้องตะโกนต่อต้านรัฐบาลต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 9 แล้ว โดยผู้เข้าร่วมในการประท้วงช่วงมื้อกลางวันมีจำนวนน้อยกว่าการเดินขบวนก่อนหน้านี้ สื่อ RTHK ระบุ
ขณะที่ในวันที่ 20 พ.ย.มีบรรดาพ่อแม่ของผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งที่ยังคิดอยู่ในม.มานั่งประท้วงขอความเห็นใจจากทางการ
“ ทำไมนักศึกษาทุกคนใน ม.ต้องถูกตั้งข้อหาก่อการจลาจล ไม่ว่าเขาจะทำหน้าที่อะไรก็ตาม นี่มันเป็นตรรกะแบบไหนกัน ? ” ชูชาน วัย 50 ปี พนักงานคลังสินค้ากล่าว
ลูกชายของเธอยังคงอยู่ใน ม.เพราะเขากลัวที่จะถูกตั้งข้อหาก่อการจลาจลที่มีโทษจำคุกถึง 10 ปี
นอกจากนี้ การประท้วงยังทำให้ครอบครัวแตกแยก เอวา เหลา นักธุรกิจหญิงวัย 51 ปีระบุว่า ขณะที่เธอเข้าร่วมในการเดินขบวนอย่างสงบ เธอไม่เห็นด้วยที่ลูกชายวัย 22 ปีของเธอเข้าร่วมในการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงและการทำลายทรัพย์สิน
แต่เธอกำลังคิดทบทวนในการเข้าร่วมในการประท้วงอีกครั้ง “ ฉันต่อต้านความรุนแรง แม้แต่การทำโทษลูก แต่ตอนนี้ ฉันเห็นแล้วว่า พวกเด็กๆยอมเป็นกลุยุทธ์เพื่อสู้กับระบบอำนาจนิยม”