ทรัมป์หวังจีดีพีสหรัฐฯโต 4%
นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯจะสามารถผลักดันให้จีดีพีของสหรัฐฯ เติบโตถึง 4% ได้ในอนาคต แต่เขาก็อาจทำไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้เช่นกัน
แต่หลายคนเชื่อว่า ตัวเลขจีดีพี 3% น่าจะเป็นตัวเลขที่มหัศจรรย์ที่สุดสำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีจีดีพีวนเวียนอยู่ประมาณ 2% เท่านั้น
หากเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ถึง 3% และตัวเลขการเติบโตยังคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน นั่นย่อมหมายถึงจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น ค่าแรงที่สูงขึ้น ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นกับตลาดที่อยู่อาศัยที่มีเสถียรภาพ
3% ทำได้จริงหรือ ? หลายอย่างขึ้นอยู่กับความรวดเร็วที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะยื่นขออนุมัติงบประมาณทางเศรษฐกิจจากสภาคองเกรส
โดยผู้นำสหรัฐฯ มีเรื่องมากมายให้ตัดสินใจ ทั้งการปฏิรูปภาษี การใช้จ่ายงบประมาณในโครงสร้างพื้นฐานให้มากขึ้น การแก้ไขกฎข้อบังคับในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาเกี่ยวกับธนาคารและบริษัท
ประกันสุขภาพ แต่บิล แซนด์บรูค ซีอีโอของบริษัท U.S. Concrete (USCR) เชื่อว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะสามารถผลักดันให้จีดีพีไปถึง 3%ได้ เขาเชื่อว่ามีหลายบริษัทมากขึ้นที่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการบริหารประเทศที่วอชิงตัน
เคลลี บอกดานอฟ นักวิเคราะห์จาก RBC Wealth Management เห็นด้วยกับความเห็นนี้
“ ถ้าเราลดภาษีลง เราจะเห็นตัวเลขการเติบโตถึง 3% หรือมากกว่าในปีนี้และปีถัดไป การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นไพ่ใบสุดท้าย หากเราลดภาษีได้จริง จะทำให้ประเทศมีการขับเคลื่อนอย่างสำคัญ สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากระดับต่ำกว่ามาตรฐานมาอยู่ในระดับปกติได้ ”
“ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ติดแหง็กอยู่กับตัวเลข 2% มานาน 2-3 ปีแล้ว ถ้าเราโตได้ถึง 3% จะเป็นการผลักดันครั้งใหญ่สำหรับบริษัทที่เคยตัดลดค่าใช้จ่าย” บรูซ บิทเทิลส์ นักกลยุทธ์ด้านการลงทุนของ Baird ให้ความเห็น
ผู้บริโภค ซึ่งมีผลกระทบถึง 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจจากการใช้จ่าย ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยที่มีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้บริโภคผ่านการตัดลดระดับหนี้ลงและออมเงินมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์จาก Deutsche Bank กล่าวในรายงานเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ว่า ผู้บริโภคอาจมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเร็วๆนี้
“ การที่ผู้บริโภคได้รับสินเชื่อมากขึ้น ครัวเรือนอาจมีการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าประธานาธิบดีทรัมป์ลดภาษีได้ในปีนี้”.