เหตุก่อการร้ายในลอนดอน
เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษจับกุมตัว 7 คนไปสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุร้ายที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและมีผู้บาดเจ็บ โดยชายผู้ก่อเหตุวัยประมาณ 40 ปีถูกตำรวจวิสามัญเสียชีวิตทันที อ้างอิงจากรายงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 23 มี.ค.
มาร์ค โรว์ลีย์กล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดคือมีผู้เสียชีวิต 4 รายรวมผู้ก่อเหตุเองด้วย และมีผู้บาดเจ็บ 29 รายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมี 7 รายที่มีอาการสาหัส โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ทางตำรวจระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
เขากล่าวว่าตำรวจยังคงออกค้นหาตามที่อยู่ในกรุงลอนดอน เบอร์มิงแฮม และพื้นที่อื่นๆในประเทศเพื่อประกอบการสืบสวน
“ เรายังคงเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญนี้น่าจะลงมือตามลำพัง และได้แรงบันดาลใจมาจากการก่อการร้าย ในขั้นตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลที่เจาะจงเกี่ยวกับเหตุร้ายที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบ”
โดยเขากล่าวว่า ผู้เสียชีวิตมีหลายเชื้อชาติปะปนกัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งถูกคนร้ายแทง อีกคนเป็นหญิงวัยประมาณ 40 กว่าปี และชายอยู่ในวัย 50 กว่าปี
ผู้เสียชีวิตรายที่ 4 ก็คือผู้ลงมือก่อเหตุร้ายที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมนั่นเอง ทางตำรวจเชื่อว่า พวกเขาทราบข้อมูลของผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ไม่ได้ระบุชื่อออกมา
เหตุโจมตีที่รุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ ผู้ก่อเหตุขับมาบนสะพานเวสท์มินสเตอร์และพุ่งชนประชาชนบนทางเท้าตลอดทาง หลังจากนั้น ก็ขับรถยนต์ไปที่หน้ารัฐสภา ก่อนจะแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจและถูกตำรวจยิงวิสามัญ
เด็กนักเรียนมัธยมชาวฝรั่งเศสวัย 15 หรือ 16 ปี ซึ่งมาทัศนศึกษาในกรุงลอนดอนกับทางโรงเรียนกับเด็กนักเรียนจากบริตทานีย์ เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ
คาดการณ์ว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสจะเดินทางมาถึงกรุงลอนดอนเพื่อเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล อ้างอิงจากรายงานของสื่อท้องถิ่นในฝรั่งเศส
สะพานเวสท์มินสเตอร์ยังคงถูกปิดล้อมด้วยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด โดยใกล้กับสะพาน ซึ่งคือสถานีรถไฟใต้ดิน ตามปกติจะเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางในช่วงเช้าอย่างเร่งรีบ ก็ไม่สามารถเดินผ่านไปได้ เนื่องจากยังอยู่ในพื้นที่ปิดล้อม
ทางรัฐสภาจะมีการเรียกประชุมในประเด็นที่นายกรัฐมนตรีเธเรซา เมย์ของอังกฤษกล่าวเมื่อคืนวันที่ 22 มี.ค.ว่า มีสัญญาณว่า เหตุร้ายครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะบ่อนทำลายประชาธิปไตย หรือมีผลกระทบต่อชีวิตปกติในเมืองหลวงของประเทศ.