ประชุมอาเซียนไม่มี ‘ทรัมป์’ จีนทรงอิทธิพลขึ้น
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ในการประชุมที่กรุงเทพฯ ผู้นำจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงจีนและประเทศทรงอิทธิพลอื่นๆ ให้คำมั่นที่จะดำรงอยู่เหนือความขัดแย้งด้านนโยบายการค้า และข้อพิพาทด้านดินแดนเพื่อหนุนให้อาเซียนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเพื่อเสถียรภาพในภูมิภาค
โดย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้มาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิตในครั้งนี้ และส่งโรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงมาแทน ขณะที่ในปีที่แล้ว ทรัมป์ส่งรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ มาร่วมประชุม นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ทรัมป์ไม่มาจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้จีนในการขยายอิทธิพลในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ระบุว่า กลุ่มประเทศอาเซียนได้บรรลุข้อตกลงพื้นฐานในแผนการที่จะขับเคลื่อนให้อาเซียนเป็นหนึ่งในกลุ่มการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) มีเป้าหมายเพื่อทลายกำแพงการค้าระหว่าง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน และอีก 6 ประเทศในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้การค้ามีมูลค่ามากเกือบ 1 ใน 3 ของการค้าทั่วโลก
นายกฯประยุทธ์ และประเทศอื่นๆระบุว่า จากเป้าหมายของ RCEP ที่มีการเลื่อนเป็นครั้งสุดท้ายในปีหน้า อาเซียนยังหวังที่จะกำหนดกรอบจรรยาบรรณกับจีนในประเด็นข้อพิพาทน่านน้ำในทะเลจีนใต้ด้วย
นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีนกล่าวกับบรรดาผู้นำประเทศในการประชุมว่า จีนมีข้อผูกพันที่จะพัฒนาในหลายประเด็น เช่น ข้อตกลงและบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในภูมิภาค
“ จากความซับซ้อนของสถานการณ์ระหว่างประเทศและในภูมิภาค ความร่วมมือของเราคือการสร้างโครงสร้างที่มีเสถียรภาพและขับเคลื่อนไปข้างหน้าในเชิงบวก” นายกฯ หลี่กล่าว “ นี่เป็นประโยชน์กับภูมิภาคและทุกฝ่ายที่เข้าร่วม”
“เราสนับสนุนเสถียรภาพในภูมิภาคและการทำเช่นนี้ เราจึงสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวนในที่อื่นๆในโลก”
ในประเด็นที่มีปัญหาอย่างทะเลจีนใต้ นายกฯ หลี่เปิดกว้างพร้อมรับการเจรจาเพื่อกำหนดกรอบ และลดท่าทีแข็งกร้าวที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าในบริเวณที่มีข้อพิพาทมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
หลังจากถูกกล่าวหาว่าเลื่อนการเจรจามานานหลายปีขณะที่สร้างเกาะเทียมพร้อมจัดตั้งฐานทัพบนแนวปะการัง จีนตกลงที่จะเริ่มการเจรจาและทั้งสองฝ่ายประกาศว่าการประชุมรอบแรกจากทั้งสามรอบจะมีขึ้นในเดือนก.ค.
ในประเด็นการค้า อาเซียนมีแผนจะเสนอรายงานการเจรจา RCEP โดยร่างข้อตกลงที่ทางสื่อ AFP ได้เห็นระบุว่าจะมีการประชุมในขั้นสุดท้ายเดือนก.พ. และสรุปข้อตกลงทั้งหมดในการประชุมซัมมิตปี 2563 ซึ่งจะจัดขึ้นในเวียดนาม
“เรามีข้อผูกพันที่จะลงนามในข้อตกลง RCEP ในเวียดนามในปี 2563” ร่างแถลงการณ์ของบรรดาผู้นำระบุ
RCEP ตั้งเป้าที่จะอำนวยความสะดวกและตั้งมาตรฐานสำหรับการค้าในอาเซียนและอีก 6 ประเทศคือ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้แต่ไม่รวมสหรัฐฯ