ผู้นำเกาหลีใต้เจอวิกฤตการเมืองหนัก
โซล (บลูมเบิร์ก) – เมื่อสามปีก่อน ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้อยู่ในบรรดาผู้ชุมนุมประท้วงบนถนนในกรุงโซลเพื่อเรียกร้องให้มีการถอดถอนอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเยที่ถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉยต่อเจตนาของประชาชน แต่ตอนนี้ ตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาก็กำลังถูกสั่นคลอนด้วยวิกฤตแบบเดียวกัน
โดยเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ประธานาธิบดีมุนถูกบีบให้ต้องออกโรงขอโทษประชาชน หลังจาก รมว.กระทรวงยุติธรรมโชกุกยอมแพ้ต่อการประท้วงของประชาชนและตัดสินใจลาออก การออกจากตำแหน่งของเขาก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนกับประธานาธิบดีมุน ซึ่งเมื่อ 5 สัปดาห์ก่อนปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตของรมว.โชและครอบครัวอย่างหนักแน่น และหนุนให้เขาทำหน้าที่กำกับดูแลระบบยุติธรรมของประเทศ
การชุมนุมเดินขบวนและการสอบสวนตึงเครียดยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ โดยอัยการเข้าตรวจค้นบ้านของรมว.โช และนักกฎหมายหลายคนโกนศีรษะเพื่อประท้วงตำแหน่งรมว.กระทรวงยุติธรรมของเขา
พรรคฝ่ายค้านซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ( ซึ่งที่ผ่านมาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่หลังประธานาธิบดีมุนช่วยถอดถอนอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเยในปี 2559 ) ได้คะแนนความนิยมจากประชาชนแซงพรรครัฐบาลในโพลสำรวจความเห็นล่าสุด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ามุน ( ซึ่งเป็นอดีตทนายความเพื่อสิทธิพลเมือง )ไม่อาจหลุดพ้นออกจากวงโคจรที่พุ่งขึ้นสูงและดิ่งลงเหวของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ โดยที่ผ่านมา ข่าวอื้อฉาวและแนวคิดมักก่อให้เกิดปัญหาในช่วงครึ่งหลังของวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีของประธานาธิบดี
“ สถานการณ์การโค่นอำนาจของอดีตประธานาธิบดีพัค และเริ่มการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดีมุน ตอนนี้กำลังฉุดให้เขาตกต่ำลง” ศ.ฮงซงกุลจากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกุกมินให้ความเห็น
“ ทั้งประธานาธิบดีมุนและรมว.โช คิดว่าการผลักคำวิจารณ์ไปอีกฝั่งอาจทำให้มันหายไป แต่มันไม่ใช่ และมันพัฒนาขึ้นเป็นการคัดค้านที่รุนแรงยิ่งกว่า” ศ.ฮงระบุ
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับมุนเนื่องจากเขาเริ่มเตรียมตัวเพื่อการเลือกตั้งของสภาในเดือนเม.ย.ปีหน้า โดยคะแนนความนิยมของมุนลดฮวบลงเกือบต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 41% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากโพลของ Gallup Korea เมื่อเทียบกับคะแนนความนิยมที่เขาเคยได้สูงถึง 84% หลังเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ค.2560
ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง มุนให้คำมั่นว่าจะ “เป็นประธานาธิบดีของทุกคน” การตัดสินใจแต่งตั้งหนึ่งในอดีตเลขาฯของเขาให้มารับตำแหน่งรมว.กระทรวงยุติธรรมทั้งที่ยังมีการสอบสวนก่อให้เกิดการเปรียบเทียบกับสมัยอดีตประธานาธิบดีพัค
โดยโชปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเขาและภรรยา ซึ่งรวมถึงการปลอมแปลงเอกสารเพื่อสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของลูกสาวของเขาและการลงทุนที่ไม่โปร่งใสในธุรกิจร่วมลงทุน
“ การสูญเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดของมุนในสถานการณ์นี้คือ ชนชั้นกลางในประเทศ เขาอ่านความคิดของประชาชนผิดพลาดไป ” ศ.ชเวชางรยุล ผู้เชี่ยวชาญการเมืองที่มหาวิทยาลัยยองอินระบุ “ มันยากที่คะแนนความนิยมในตัวเขาจะดีดกลับขึ้นมาก่อนการเลือกตั้งในปีหน้า”