สหรัฐฯ คาดขึ้นภาษีจีน ธ.ค. หากไม่มีดีล
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. สตีเวน มนูชิน รมว.กระทรวงการคลังของสหรัฐฯกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNBC ว่า เขาคาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะขึ้นภาษีรอบใหม่กับสินค้านำเข้าจากจีนช่วงกลางเดือนธ.ค. หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
“ ผมคาดการณ์อยู่ตลอดเวลา หากไม่มีการทำข้อตกลง ก็จะมีมาตรการภาษี แต่ผมคาดว่าจะมีข้อตกลงนะ” รมว.มนูชินระบุกับสื่อ CNBC
มนูชินเอ่ยถึงมาตรการภาษีหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ “ข้อตกลงพื้นฐานในหลักการ” สำหรับ “การทำข้อตกลงในเฟสแรก” หลังจากมีการเจรจาการค้าในระดับสูงรอบล่าสุดระหว่างจีนกับสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน
โดยคณะผู้แทนในการเจรจาของทั้งสองประเทศพูดถึงประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา ,บริการทางการเงิน ( รวมทั้งสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) และประเด็นพื้นฐานที่สำคัญมากคือเกษตรกรรม ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการต่อสู้โต้ตอบกันไปมาด้วยมาตรการภาษีในช่วงเวลาที่ผ่านมา รมว.มนูชินระบุ
มนูชินระบุว่า สหรัฐฯคาดการณ์ว่าจีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯมูลค่าประมาณ 40,000 – 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 1.22 – 1.52 ล้านล้านบาท ) โดยเขายังระบุว่า จีนจะยกเลิกภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯบางส่วน
ทั้งนี้ ทรัมป์ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์เมื่อเย็นวันที่ 13 ต.ค.ด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดเพื่อเน้นความสำคัญของเนื้อหาว่า “จีนเริ่มซื้อสินค้าเกษตรจากชาวนาและชาวไร่ผู้รักชาติของเรา แล้ว ! ”
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. มนูชินระบุในออฟฟิศรูปไข่ว่า ทำเนียบขาวจะเลื่อนกำหนดการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนออกไปจากกำหนดเดิมคือ 15 ต.ค. โดยกำหนดการใหม่ของมาตรการภาษีคือ 15 ธ.ค.
แต่เขาคาดการณ์ว่า หากมีการเจรจามากขึ้นกับฝ่ายจีน ทางประธานาธิบดีทรัมป์ และ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงในขั้นตอนสุดท้ายได้ในระหว่างการประชุมที่ประเทศชิลีในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า.