ศก.ออสเตรเลียโต 25 ปีไม่มีสะดุด
เศรษฐกิจออสเตรเลียยังคงมีโมเมนตัมที่ดีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ทำให้ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์แห่งนี้เติบโตขยายตัว 25 ปีต่อเนื่องไม่มีการถดถอย
ทำให้ออสเตรเลียเข้าใกล้เจ้าของสถิติเดิมอย่างเนเธอร์แลนด์ในยุคใหม่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานโดยไม่มีภาวะชะงักงัน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของออสเตรเลียหดตัวลงในไตรมาส 3 แต่ตัวเลขการเติบโต 1.1% ในไตรมาส 4 ทำให้ตัวเลขการขยายตัวต่อปีกลับขึ้นมาอยู่ที่ 2.4% โดยการพลิกพื้นกลับมาได้แรงขับเคลื่อนสำคัญจากการส่งออกและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
อุตสาหกรรมเหมืองแร่และการเกษตรยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายสิ้นสุดที่เดือน ธ.ค. โดยออสเตรเลียส่งออกแร่เหล็กและถ่านหินมากที่สุด แต่ดีมมานด์ที่ลดลงจากจีนทำให้ภาคส่วนเหมืองแร่ที่เคยบูมต้องซบเซาและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลีย
ออสเตรเลียไม่เคยประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ( ถึงแม้ตัวเลขเติบโตจะเป็นลบมา 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้วก็ตาม) นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปี 2534 เป็นต้นมา ในขณะนี้ ตัวเลขยังขาดอีกเพียงไตรมาสเดียวก็จะเท่ากับสถิติการเติบโตทางเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดในช่วงปี 2525 – 2551
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสก็อต มอร์ริสันของออสเตรเลียขานรับการลงทุนทางธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการขยายคัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากชะลอตัวลดลงมา 12 ไตรมาสติดต่อกัน
“ ออสเตรเลียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยของ OECD และยืนยันได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จที่เข้ามาแทนในเศรษฐกิจของเรา จากการลงทุนในทรัพยากรธรรมชาติที่บูมมากในประวัติศาสตร์ของเราเปลี่ยนมาเป็นการเติบโตจากพื้นฐานที่กว้างขึ้น” เขากล่าว
นักวิเคราะห์จากธนาคาร ANZ ยืนยันว่า ความซบเซาในไตรมาส 3 เป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราว และชี้ให้เห็นว่าโมเมนตัมของเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง
พอล เดลส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ออสเตรเลียของ Capital Economics กล่าวว่า เศรษฐกิจกลับมาเข้าที่เข้าทางอย่างมั่นคง
“ แนวโน้มของปีหน้ายังคงสดใส เรากำลังมองเห็นปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวครั้งใหญ่ของราคาโภคภัณฑ์ที่สำคัญ” เชน โอลิเวอร์จาก AMP Capital ให้ความเห็นกับสำนักข่าวบีบีซี
เขายังเสริมว่า “ ตัวเลขการเติบโตจะอยู่ที่ 2.5% หรืออาจจะ 3% ในปีนี้”
ทั้งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประเมินว่า ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 3% ในปีนี้ จากการฟื้นตัวของราคาโภคภัณฑ์.