‘เมดอินไชน่า’ ราคาแพงขึ้น
ตอนนี้กลายเป็นว่าสินค้าที่ผลิตในจีนราคาไม่ถูกอีกต่อไปแล้วเนื่องจากราคาค่าแรงกำลังขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศที่ภาคการผลิตมีบทบาทสำคัญอย่างจีน
แรงงานในโรงงานของจีนได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นเรือยๆ โดยอัตราค่าแรงรายชั่วโมงปรับขึ้นเป็น 3.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 64% จากปี 2554 อ้างอิงจากผลการวิจัยตลาดของ Euromonitor โดยค่าแรงต่อชั่วโมงในจีนตอนนี้สูงกว่าอินเดียถึง 5 เท่า และสูงเท่ากับค่าแรงในหลายประเทศ เช่น โปรตุเกสและแอฟริกา
เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนขยายตัวเร็วมากจนอยู่ในระดับหายใจรดต้นคอประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ ดังนั้นจึงมีการจ่ายค่าแรงมากขึ้นให้กับพนักงาน โดยค่าแรงที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบกับบริษัทที่ตั้งอยู่ในจีน หลายบริษัทจึงย้ายธุรกิจไปอยู่ในประเทศอื่นที่มีค่าแรงถูกกว่า ซึ่งหมายความว่า ขณะนี้จีนกำลังสูญเสียงานให้กับประเทศกำลังพัฒนา เช่น ศรีลังกา ซึ่งค่าแรงต่อชั่วโมงของแรงงานในโรงงานอยู่ที่ 0.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องนุ่งห่มในจีนถูกกระทบอย่างรุนแรง อ้างอิงจากความเห็นของเบน คาเวนเดอร์ผู้อำนวยการของ China Market Research ประจำเซี่ยงไฮ้
“ผลกระทบนี้ทำให้เจ้าของโรงงานหลายแห่งต้องย้ายการลงทุนออกไปนอกประเทศจีน ”
หลายบริษัทกำลังลงทุนในด้านหุ่นยนต์ เป็นความพยายามที่จะทำให้หุ่นยนต์สามารถทดแทนแรงงานคนได้เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย อ้างอิงจากข้อมูลของฌอน ดาร์บีและเคนเนธ ชาน นักวิเคราะห์จาก Jefferies
โดยตลาดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของจีนได้กลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อปี 2556 และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้วยจำนวนงานที่น้อยลง และบางครั้งยังมีหุ่นยนต์มาทำงานแทนมากขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ตัวเลขการว่างงานยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนกำลังพยายามปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากการให้ความสำคัญกับภาคการผลิตมาเป็นภาคบริการแทน
“ คุณกำลังพูดถึงวิธีการที่จะปรับปรุงทักษะแรงงานหลายล้านคน แต่ยังไม่ชัดเจนว่างานอะไรที่จะถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ พวกเขากำลังสร้างงานที่ต้องใช้ความรู้สูงขึ้น งานธุรการในภาคบริการที่ขยายตัวเร็วขึ้นเท่าที่จะเป็นได้ แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอสำหรับจีน ”
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.07 บาท / 27 ก.พ. 2560