การผลิตสหรัฐฯดิ่งสุดในรอบ 10 ปี
ดัชนีชี้วัดการผลิตสหรัฐฯแสดงให้เห็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 10 ปีในเดือนก.ย. เนื่องจากการส่งออกดิ่งเหวจากสงครามการค้า
โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตของสหรัฐฯจาก Institute for Supply Management (ISM) อยู่ที่ 47.8% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552 เป็นต้นมา ทำให้เป็นเดือนที่มีการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50% เป็นสัญญาณของการหดตัว
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ของการส่งออกอยู่ที่ 41% เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 เป็นต้นมา ต่ำกว่าเดือนส.ค.ปีนี้ ที่มีตัวเลขอยู่ที่ 43.3% จากข้อมูลของ ISM
“ ตอนนี้ ภาษีส่งผลกระทบทำให้การผลิตอยู่ในภาวะถดถอยทั้งในสหรัฐฯและทั่วโลก” Peter Boockvar หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุนประจำ Bleakley Advisory Group ระบุ
รายงานนี้ส่งผลให้เกิดความกังวลและทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงในแดนลบ โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งร่วงลงกว่า 200 จุด
“ การค้าทั่วโลกยังคงเป็นประเด็นที่เห็นชัดที่สุด จากการหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ในการส่งออกที่เริ่มตั้งแต่เดือนก.ค. ปีนี้ โดยภาพรวม ความเชื่อมั่นในเดือนนี้ยังคงต้องจับตาจากการเติบโตในระยะใกล้” Tomothy Fiore ประธาน ISM ระบุในแถลงการณ์
ตัวเลขการจ้างงานในภาคการผลิตจากข้อมูลของ ISM ชี้ให้เห็นถึงตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2559 จากดีมานด์ที่อ่อนแรง โดยตัวเลขคำสั่งซื้อ ,backlog , วัตถุดิบ , สินค้าคงเหลือ , การส่งออก และนำเข้าก็หดตัวลงทั้งหมดในเดือนก.ย.
“ ยังไม่มีสัญญาณสิ้นสุดของการชะลอตัวนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจถดถอยเป็นเรื่องจริง” Torsten Slok หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ Deutsche Bank ระบุในเอกสารหลังรายงานเมื่อวันที่ 1 ต.ค.
การหดตัวมากขึ้นในภาคการผลิตเป็นสัญญาณล่าสุดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยกระดับขึ้นและกัดกร่อนเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้ ภาคการผลิตเคยถูกมองว่าเป็น
ผู้ชนะภายใต้การบริหารของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยตัวเลขที่ดีขึ้นทั้งในด้านการจ้างงานและกิจกรรมในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวโทษอัตราดอกเบี้ยที่สูงและเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าที่ส่งผลทำให้การผลิตอ่อนแอ โดยเขาทวีตข้อความบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ “ ยอมให้เงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ผู้ผลิตของเราได้รับผลกระทบเชิงลบ ดอกเบี้ยของเฟดสูงเกินไป”
ภาคการผลิตหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีในเดือนส.ค. นับเป็นการยุติช่วงเวลาการขยายตัวเติบโตที่ยาวนานต่อเนื่องถึง 35 เดือนโดยดัชนี PMI มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 56.5% จากข้อมูลของ ISM
“ ดัชนี PMI กำลังบอกนักลงทุนตลาดหุ้นให้ออกไป” Chris Rupkey หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การเงินที่ MUFG Union Bank ระบุในเอกสาร “ วิ่ง วิ่งออกไปเพื่อชีวิตของคุณเอง ออกไปก่อนตอนที่คุณยังออกได้ แนวโน้มมืดมนและสัญญาณเตือนยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ”.