ยานยนต์ญี่ปุ่นจับตาอาเบะพบทรัมป์
จากการที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นจะเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ อาจส่งผลให้การได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในธุรกิจยานยนต์ของญี่ปุ่นต้องถึงจุดพลิกผัน
เพราะการปรับสมดุลของการส่งออกและนำเข้ารถยนต์ของญี่ปุ่นไม่ง่ายเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน
ผู้นำสหรัฐฯ อาจกดดันให้ผู้นำญี่ปุ่นทำอะไรมากขึ้นเพื่อปรับสมดุลการค้าระหว่างสองประเทศในการเยือนทำเนียบขาว หรือในการออกรอบกอล์ฟด้วยกัน แต่ทั้งสองคนไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มที่ว่ารถยนต์ขนาดใหญ่และรถบรรทุกที่สหรัฐฯ ผลิตไม่สามารถขายได้ในญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมีความชื่นชอบในรถยนต์ขนาดเล็กที่ญี่ปุ่นผลิต ทำให้มียอดขายมากกว่า 1 ใน 3 ของตลาดรถยนต์ในญี่ปุ่น ราคาของรถยนต์ประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านเยน หรือประมาณ 9,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีขนาดเครื่องยนต์เล็กจนสหรัฐฯ มองว่าไม่พอที่จะเป็นมอเตอร์ไซค์ด้วยซ้ำ
ถึงแม้บริษัทโตโยต้าและฮอนด้าของญี่ปุ่นจะไม่สามารถโน้มน้าวใจให้ผู้บริโภคในญี่ปุ่นซื้อรถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ ได้ แต่รถยนต์เอสยูวี เช่น รุ่น RAV4 และฮอนด้า CR-V กลับเห็นมากบนท้องถนนในญี่ปุ่น
มีรถยนต์ประมาณ 13,000 คันจากบริษัทผู้ผลิตสหรัฐฯ ที่ขายได้ในญี่ปุ่นในปี 2558-2559 และประมาณ 3 ใน 4 เป็นรถจี๊ปของเฟียตไครสเลอร์ โดยทางบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ได้ประกาศในเดือนที่แล้วว่าจะถอนตัวออกจากตลาดรถยนต์ในญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทมียอดขายรถยนต์เพียง 2,400 คันเท่านั้นในปี 2559
ตลาดยานยนต์ญี่ปุ่นหดตัวลงไม่ใช่เพราะขนาดรถยนต์เท่านั้น แต่เป็นจำนวนยอดขายด้วย เนื่องจากตลาดรถยนต์ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นด้วย ต่างมุ่งเน้นการกระตุ้นยอดขายในตลาดจีน สหรัฐฯ และตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงเป็นฮับในการส่งออกของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานในสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นในปี 2559 สูงถึง 68,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในจำนวนการขาดดุลทั้งหมด มาจากธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ถึง 52,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน และในปีที่แล้ว 56% ของรถยนต์แบรนด์โตโยต้าที่ขายในสหรัฐฯ ล้วนแต่ผลิตในสหรัฐฯ โดยบริษัทโตโยต้ารายงานว่า ปัจจุบัน บริษัทมีการจ้างงานมากกว่า 34,000 คนในสหรัฐฯ
หลายปีที่ผ่านมา การเติบโตของโรงงานผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในสหรัฐฯ ช่วยบรรเทาความตึงเครียดในด้านการค้าระหว่างสองประเทศลงไปได้มาก แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้จุดกระแสความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นด้วยการบ่นเรื่องการขาดดุลการค้าและกล่าวหาญี่ปุ่นว่าพยายามลดค่าเงินเยนให้อ่อนลงเพื่อให้ได้เปรียบกับสินค้าที่สหรัฐฯ ผลิต
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. กลุ่มส.ว.จากทั้งสองพรรคจากรัฐที่มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีทรัมป์หยิบยกประเด็นการควบคุมค่าเงินและภาษีนำเข้ารถยนต์ขึ้นมาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอาเบะ.