ราคาน้ำมันพุ่ง หลังโดรนโจมตีคลังน้ำมันซาอุฯ
ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 6 เดือนในวันที่ 16 ก.ย. ขณะที่ตลาดหุ้นวอลสตรีทล่วงหน้าปรับลดลง หลังจากเกิดเหตุโจมตีบริษัทน้ำมันอารัมโค ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของซาอุดิอาระเบียและของโลก ส่งผลกระทบกับซัพพลายน้ำมันทั่วโลก 5%
ราคาตลาดน้ำมันล่วงหน้าสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 15% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นมา อยู่ที่ 60.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 13% อยู่ที่ 68.06 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
คาดการณ์ว่าสภาพคล่องในเอเชียจะลดลงในวันที่ 16 ก.ย. เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นปิดเพราะเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น
“ ข่าวโดรนโจมตีบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุฯ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. มีผลกระทบกับตลาดทั่วโลกในสัปดาห์นี้ ” Ray Attrill หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ forex ที่ธนาคารกลางออสเตรเลียระบุ
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯระบุว่า เขาได้สั่งการให้มีการปล่อยน้ำมันออกจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ หรือ Strategic Petroleum Reserve (SPR) มากขึ้นหากจำเป็นจากผลกระทบของการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย
“ จากผลของการโจมตีซาอุฯ ซึ่งอาจมีผลกระทบกับราคาน้ำมัน ผมได้สั่งการให้มีการปล่อยน้ำมันออกจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์มากขึ้น หากจำเป็น เพื่อให้ตลาดมีซัพพลายน้ำมันเพียงพอ ” ทรัมป์ระบุบนทวิตเตอร์
“ผมยังได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งอนุมัติกระบวนการขออนุญาตของท่อก๊าซในเท็กซัสและรัฐอื่นๆให้เร็วขึ้น”
ขณะที่ในตลาดเงิน ข่าวโจมตีคลังน้ำมันซาอุฯหนุนให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 107.8 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินยูโรปรับเล็กน้อยไปอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และเงินปอนด์อยู่ในระดับเดียวกับวันที่ 13 ก.ย. ที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 2 เดือน
ขณะที่ในฝั่งจีน จะมีการเผยแพร่ข้อมูลการผลิตอุตสาหกรรม ค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งจะช่วยชี้ทิศทางของการค้าในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ นักลงทุนยังรอคอยผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 18 ก.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลง และส่งสัญญาณถึงนโยบายการคลังในอนาคต.