คาดศก.สหรัฐฯถดถอยใน 2 ปี
วอชิงตัน – นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอยในอีก 2 ปีหน้า แต่อาจกลับเข้าที่เข้าทางจากความช่วยเหลือของธนาคารกลาง จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ส.ค.
มีการเผยแพร่ผลสำรวจหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตอบโต้คำพูดที่ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะถดถอย เพราะมีรายงานข้อมูลจำนวนมากในสัปดาห์ก่อนที่แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ย่ำแย่ลง
“ ผมเตรียมพร้อมสำหรับทุกอย่าง ผมไม่คิดว่าเรากำลังเจอเศรษฐกิจถดถอย เราทำได้ดีมากๆ ผู้บริโภคของเรารวย” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 18 ส.ค.
“ผมลดภาษีให้มากแล้ว และพวกเขามีเงินเยอะมาก พวกเขาจะจับจ่ายใช้สอย ผมเห็นตัวเลขของวอลมาร์ท พวกเขามียอดขายทะลุทะลวงสุดๆ”
“ และนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากบอกว่าเราจะไม่มีเศรษฐกิจถดถอย แต่ประเทศอื่นในโลกทำได้ไม่ดีเท่าที่เราทำ”
แลร์รี คัดโลว์ ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจก็ไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะถดถอย “ผมไม่คิดว่าจะมีเศรษฐกิจถดถอย” เขากล่าวกับสื่อ NBC “ผู้บริโภคทำงานได้ค่าจ้างสูงขึ้น พวกเขาใช้จ่ายเงินเยอะ ผมคิดว่าพวกเขาทั้งเก็บออมเงินแล้วก็ใช้เงินด้วย เศรษฐกิจจะยิ่งดีมากๆในปีหน้า” เขากล่าว
National Association for Business Economists ( NABE) พบว่า มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนน้อยที่คิดว่าเศรษฐกิจถดถอยจะเริ่มเกิดในปีหน้า เมื่อเทียบกับการสำรวจในเดือนก.พ.
“ผลสำรวจชี้ว่าการขยายตัวจะยิ่งเติบโตจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลัง” คอนสแตนซ์ ฮันเตอร์ ประธาน NABE ซึ่งเป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ KPMG ด้วยระบุ
มีเพียง 2% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 226 รายที่ระบุว่าเริ่มเห็นเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 10% ในผลสำรวจเมื่อเดือนก.พ.
มีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากขึ้นที่เปลี่ยนแปลงคำทำนายว่าเศรษฐกิจจะถดถอยจากปีหน้าเป็นปี 2564 และก็มีอีกหลายคนที่คาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า
ผลสำรวจชี้ว่า 46% คาดการณ์ว่าธนาคารกลางหรือเฟดจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ประมาณ 1 ใน 3 มองว่านโยบายการคลังจะยังคงเดิม
นักเศรษฐศาสตร์ยังคงข้องใจเกี่ยวกับการแก้ไขสงครามการค้าของทรัมป์ แม้ 64%จะระบุว่า “มีความเป็นไปได้ว่าจะมีข้อตกลงแบบผิวเผิน” เกิดขึ้น จากข้อมูลของ NABE
ทั้งนี้ ผลสำรวจยังถามเกี่ยวกับนโยบายงบประมาณ และนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่า การลดภาษีของทรัมป์ “ ส่งผลกระทบด้านลบกับด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา” จากความเปลี่ยนแปลงในการลดจำนวนการปล่อยดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน