ปากีสถานสู้ถึงที่สุดเพื่อแคชเมียร์

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน แห่งปากีสถานระบุว่า ปากีสถานพร้อมที่จะ “สู้ถึงที่สุด” เพื่อแคชเมียร์หากจำเป็น โดยเขากล่าวสุนทรพจน์ในแคชเมียร์ ซึ่งอยู่ในส่วนพื้นที่การปกครองของปากีสถาน
โดยนายกฯข่าน ซึ่งอยู่ในแคชเมียร์เพื่อร่วมฉลองวันประกาศเอกราชของปากีสถาน ได้กล่าวหาอินเดียว่าพยายามจะลดความสำคัญของชาวมุสลิมลง และทำให้ชาวมุสลิมดูเป็นคนหัวรุนแรง
สุนทรพจน์ของผู้นำปากีสถานมีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากรัฐสภาอินเดียโหวตลงมติเห็นชอบยกเลิกมาตรา 370 ในรัฐธรรมนูญ คือการยกเลิกสถานะเขตปกครองตนเอง ให้รัฐจัมมูและแคชเมียร์กลายเป็นดินแดนสหภาพ ทำให้รัฐบาลกลางอินเดียมีอำนาจในการปกครองแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งประชากรที่อาศัยอยู่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
แคชเมียร์เป็นหนึ่งในพื้นที่ความขัดแย้งที่อันตรายของโลก โดยอินเดียและปากีสถานต่างอ้างสิทธิ์ในการครอบครอง เป็นความขัดแย้งที่มีมานานกว่า 70 ปี
นายกฯข่านประกาศตัวเองว่าเขาเชื่อในการเจรจา “ ผมไม่ต้องการสงคราม แต่ชัดเจนว่าอินเดียไม่อยากคุยด้วย สงครามจะไม่ช่วยเราเลย”
“เราจะสู้จนถึงที่สุด อย่างถึงที่สุด จนสุดทาง แคชเมียร์จะต้องเป็นอิสระ” ผู้นำปากีสถานกล่าว
เขาระบุว่า เขาได้รับรายงานว่าอินเดียมีแผนจะปฏิบัติการ ‘จัดฉาก’ ในแคชเมียร์ “เรารู้ ทางกองทัพก็รู้ เราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว”
พื้นที่แคชเมียร์ที่อินเดียปกครองอยู่ยังคงถูกบล็อก เนื่องจากมีการตัดการสื่อสาร การเชื่อมโยงทั้งภาคพื้นดิน อินเทอร์เน็ต และสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั้งหมด
ทั้งนี้ อินเดียบอกจะคืนสภาพการสื่อสารให้เหมือนเดิม แต่ไม่ได้ระบุกำหนดที่แน่นอน
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ของอินเดียกล่าวชี้แจงทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ว่า การตัดสินใจยกเลิกสถานะเขตปกครองตนเองของแคชเมียร์ถือเป็นการปลดปล่อยแคว้นให้เป็นอิสระจาก ‘การก่อการร้าย’ และอ้างว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะนำเสถียรภาพมาสู่แคชเมียร์
โดยเมื่อวันที่ 14 ส.ค.นายกฯข่านเรียกร้องให้ประชากรชาวแคชเมียร์ทั่วโลกประท้วงเพื่อสนับสนุนชาวแคชเมียร์ในพื้นที่ ซึ่งรวมถึงอังกฤษด้วย
“ ผมขอยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องชาวแคชเมียร์ในเวลาที่เราประสบวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุด” เขาระบุโดยเสริมว่า เขาต้องการเป็น “ทูตแคชเมียร์ของโลก”
โดยเขายังย้ำถึงคำกล่าวอ้างของเขาที่ว่า แนวคิดเชิดชูชาวฮินดูของรัฐบาลอินเดียซึ่งดำเนินการโดยพรรคภารตียชนตา (BJP) ของนายกฯ โมดิ นั้นเป็นแนวคิดแบบนาซี
“ พวกเขาเชื่อว่า ชาวมุสลิมไม่มีที่ยืนในอินเดีย ลึกๆแล้วเรากลัว รอจะเจอว่าจะมีอะไรน่ากลัวที่รอเราอยู่หลังไฟดับ”
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปในช่วงที่อังกฤษจะให้เอกราชกับอินเดีย ได้มีการตัดสินใจแล้วว่าจะแบ่งออกเป็น 2 ประเทศคืออินเดียกับปากีสถาน และได้ถามไปยังแคว้นมหาราชาต่างๆ ว่าจะรวมกับประเทศใด แต่มหาราชาผู้ครองแคว้นแคชเมียร์ตัดสินใจไม่ได้ เพราะในแง่ของศาสนา ประชาชนส่วนใหญ่นับถืออิสสามเหมือนปากีสถาน แต่มหาราชากลับมีแนวคิดทางการเมืองที่สอดคล้องกับอินเดีย และเมื่อปากีสถานบุกจู่โจม มหาราชาได้ขอความช่วยเหลือจากอินเดีย อินเดียมาช่วยและรบกัน สุดท้าย แคชเมียร์จึงถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ให้อินเดียและปากีสถานแบ่งกันปกครอง ในส่วนของอินเดีย แคชเมียร์เป็นเขตปกครองตนเองมานานถึง 70 ปี.