จีนแบนสตาฟคาเธ่ย์หนุนประท้วงผ่านน่านฟ้าจีน
ปักกิ่ง – เมื่อวันที่ 9 ส.ค. หน่วยงานที่กำกับดูแลการบินของจีนสั่งห้ามไม่ให้พนักงานสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกที่แสดงออกถึงการสนับสนุนการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง ทำงานในเที่ยวบินไปจีน หรือเส้นทางบินที่ผ่านน่านฟ้าของจีน
นอกจากนี้ ทางหน่วยงานยังสั่งการให้สายการบินส่งมอบข้อมูลส่วนตัวของพนักงานที่ทำงานในเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากจีน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. เป็นการประกาศว่าเที่ยวบินที่ไม่ผ่านการอนุมัติจะไม่ได้ทำการบิน
สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกดูจะเป็นเป้าหมายของทางการจีน หลังจากพนักงานจำนวนหนึ่งเข้าร่วมในการประท้วง และสื่อรายงานว่า หนึ่งในนักบินถูกตั้งข้อหาก่อการจลาจล
สหภาพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลงชื่อกันเพื่อออกแถลงการณ์ร่วมกับพนักงานในอุตสาหกรรมการบินอื่นๆ ในวันที่ 5 ส.ค. เพื่อสนับสนุนการประท้วง หลังจากสมาชิกจำนวนหนึ่งของสหภาพเข้าร่วมในการหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่
ในทางกลับกัน สายการบินคาเธ่ย์ถูกโต้กลับจากจีนครั้งใหญ่ โดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในจีนที่ติดแฮชแท็ก #BoycottCathayPacific มียอดเข้าชมกว่า 17 ล้านวิว และ 8,000 คอมเมนต์ โดยบางส่วนได้แรงหนุนจากบทความของสื่อภาครัฐของจีน
การประท้วงเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงนานกว่าสองเดือนที่ลุกลามกลายเป็นความรุนแรง ถูกจีนมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐบาลกลางของจีนครั้งใหญ่
โดยเมื่อวันที่ 7 ส.ค.จอห์น สโลซาร์ ประธานสายการบินคาเธ่ย์กล่าวปกป้องพนักงานและเสรีภาพในความคิด
“ เราจ้างพนักงาน 27,000 คนในฮ่องกงในหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกัน” สโลชาร์กล่าวในการแถลงข่าว หลังจากรายงานของบริษัทชี้ว่า การประท้วงส่งผลกระทบกับยอดจองบัตรโดยสารของสายการบินในเดือนก.ค.
“ คุณควรจินตนาการได้ว่า ในบรรดาพนักงาน 27,000 คนของเรามีความคิดเห็นของตัวเองในทุกประเด็น เราไม่อาจฝันถึงการบอกพวกเขาได้ว่าควรคิดอย่างไรในบางเรื่อง”
แต่เนื่องจากหน่วยงานที่กำกับดูแลของจีนเรียกร้องเช่นนั้น สายการบินจึงจะระงับพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุน “การประท้วงที่ผิดกฎหมาย” ไม่ให้ทำการบินไปจีนแผ่นดินใหญ่ หรือเข้าไปในน่านฟ้าของจีน
ภายในวันที่ 11 ส.ค. สายการบินต้องเริ่มส่งข้อมูลส่วนตัวของพนักงานทุกคนที่ทำการบินไปจีน หรือผ่านน่านฟ้าของจีนให้กับหน่วยงานที่กำกับดูแล
ก่อนวันที่ 15 ส.ค. ทางหน่วยงานยังได้สั่งให้ทางคาเธ่ย์ยื่นรายงานเกี่ยวกับมาตรการในการ “ควบคุมภายในที่เข้มงวดขึ้น และปรับปรุงความปลอดภัยและความมั่นคงของเที่ยวบิน”.